อาชญากรรม

ตำรวจ บุกรวบ 9 นายหน้า ไทย-จีน จัดหาหญิงสาวรับจ้างอุ้มบุญ พบข้อมูล กระจายทั่วประเทศ กว่า 100 คน

ความคืบหน้า ตำรวจสอบสวนกลางพร้อมหลายหน่วยงาน ร่วมกันสนธิกำลังปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้นกลุ่มนายทุนชาวจีนและนายหน้าชาวไทย ที่ได้ว่าจ้างหญิงไทยให้มารับจ้างอุ้มบุญ โดยได้เข้าตรวจค้นบ้านพักและบริษัทต่าง ๆ ที่เปิดไว้บังหน้า และสถานที่พักอาศัยในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑลรวม 10 แห่ง พร้อมจับกุมผู้ต้องหาชาวจีนและไทยได้ 9 ราย ตามหมายจับศาลอาญาที่ 36-43 และ 45/2563 ลง 16 ม.ค. 2563 ในข้อหา “สมคบกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทาผิดร้ายแรงอันเกี่ยวข้องกับองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ,ร่วมกันดำเนินการให้มีการตั้งครรภ์แทนเพื่อประโยชน์ทางการค้า และโฆษณาหรือไขข่าวให้แพร่หลายด้วยประการใด ๆ เกี่ยวกับการตั้งครรภ์แทนฯ ไม่ว่าจะได้กระทำเพื่อประโยชน์ทางการค้าหรือไม่”

พล.ต.ต.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบก.ปคม. กล่าวว่า ตำรวจได้รับเบาะแสมีขบวนการรับจ้างตั้งครรภ์แทนโดยผิดกฎหมายรายใหญ่ ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2562 และมีผู้ต้องสงสัยเดินทางเข้าออกประเทศตลอดช่วงต้นปี 2563 เมื่อสืบสวนเชิงลึก พบว่ามีกลุ่มนายทุนชาวจีนเป็นหัวหน้าขบวนการอุ้มบุญข้ามชาติ ได้ว่าจ้างกลุ่มนายหน้าซึ่งเป็นคนไทยให้ติดต่อชักชวนหญิงไทยที่เคยอุ้มบุญ มารับจ้างตั้งครรภ์ โดยจะได้รับค่าจ้าง 300,000–450,000 บาท ต่อครั้งโดยแบ่งจ่าย จากนั้นกลุ่มนายหน้าจะแบ่งหน้าที่ นำพาแม่อุ้มบุญไปปลูกฝังตัวอ่อนที่คลินิกในประเทศลาว และประเทศกัมพูชา ก่อนจะพามาฝากครรภ์และคลอดบุตรที่โรงพยาบาลในประเทศไทย แต่บางครั้ง จะพาแม่อุ้มบุญไปคลอดบุตรที่ประเทศจีน พร้อมดำเนินการเรื่องเอกสารทำคลอด ทั้งยังออกค่าใช้จ่ายทั้งหมด จากนั้นจะพาเด็กอุ้มบุญไปส่งให้กับผู้รับเลี้ยงดูที่ประเทศจีน แม่ที่อุ้มบุญจึงจะได้รับค่าตอบแทน ก่อนรอเวลาประมาณ 1 เดือนจึงกลับเข้าไทย

นอกจากนี้ ยังพบว่าขบวนการนี้ได้เปิดบริษัทบังหน้าเพื่อปกปิด และดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2555 โดยพบข้อมูลแม่อุ้มบุญกระจายอยู่ตามจังหวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศ ไม่ต่ำกว่า 100 ราย ส่งออกเด็กอุ้มบุญไปแล้วไม่ต่ำกว่า 50 ราย ผลการปฏิบัติการ ยังได้ตรวจยึดทรัพย์สินที่ได้จากการกระทำผิดอีกหลายรายการ แบ่งเป็นรถยนต์ 16 คัน มูลค่าประมาณ 15 ล้านบาท มีบ้านพักและบริษัทของผู้ต้องหาในย่านลาดพร้าวอีก 2 หลัง มูลค่าประมาณ 20 ล้านบาท รวมถึงทรัพย์สินอื่นๆ อีกนับ 100 ล้านบาท

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้เชิญแม่อุ้มบุญชาวไทยมาสอบปากคำรวมทั้งหมด 15 ราย จากทั้งหมด 22 ราย ในที่นี้กันไว้เป็นพยาน 7 ราย พร้อมให้การช่วยเหลือเด็กที่เกิดจากแม่อุ้มบุญอีก 2 คน รายหนึ่งมีอายุ 4 เดือน อีกรายอายุ 22 วัน จากนี้จะประสานทางการจีนเพื่อร่วมกันขยายผลจับกุมผู้ร่วมขบวนการเพิ่มเติมทั้งหมดมาดำเนินคดี ส่วนผู้ต้องหาตามหมายจับอีกรายนั้นอยู่ต่างประเทศ ก็จะดำเนินการจับกุมต่อไป

ด้านนายธเรศ กรัษนัยรวิวงศ์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ(สบส.) กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า สบส.ทำหน้าที่กำกับดูแลสถานพยาบาลที่ขออนุญาตที่รับดำเนินการอุ้มบุญที่มีทั้งหมด 94 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งในคดีนี้ พบว่ามีสถานพยาบาลที่มีความเกี่ยวข้อง 9 แห่ง มีทั้งโรงพยาบาลและคลีนิก ก็จะตรวจสอบขยายผลและดำเนินการตามกฎหมายต่อไป ทั้งนี้ ในการอุ้มบุญยังมีข้อกำหนดให้ผู้เป็นสามีภรรยาที่ชอบด้วยกฎหมาย หรือชาวต่างชาติที่มีคู่สมรสชาวไทยและจดทะเบียนไม่ต่ำกว่า 3 ปี สามารถมาขอมีบุตรด้วยการอุ้มบุญได้ โดยต้องทำกับสถานพยาบาลที่ได้รับอนุญาต และต้องเป็นหมอที่ได้รับอนุญาตจากแพทย์สภาเป็นผู้ดำเนินการ แต่ก็มีข้อห้ามในการอุ้มบุญหลายประการ คือห้ามเลือกเพศของเด็ก ห้ามซื้อขายนำเข้าเซลล์ไข่กับอสุจิ และห้ามโฆษณา และรับจ้างตั้งท้อง ที่สำคัญ ห้ามปฏิเสธการรับเลี้ยงเด็กที่เกิดจากการอุ้มบุญ

โดยการจับกุมครั้งนี้ ส่วนหนึ่งก็เพราะสถานการณ์โรคระบาดไวรัสโคโรนา ที่ทำให้เด็กบางส่วนยังไม่ถูกนำตัวส่งไปจีนเนื่องจากมาตรการสั่งปิดเมืองที่เข้มงวด

Related Posts

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *