พล.ต.ต.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล(รอง ผบช.น.) และ พล.ต.ต.พัฒนา เพศยนาวิน ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2 (ผบก.น.2) พร้อมตำรวจ สน.พหลโยธิน เดินทางมาร่วมประชุมติดตามความคืบหน้า กรณีมีเหตุยิงการ์ดผู้ชุมนุมคณะราษฎร ที่แยกรัชโยธิน จนมีผู้บาดเจ็บ 2 ราย ได้แก่ นายประภากร ศักดิ์ศรีเท้า อายุ 20 ปี อดีตนักศึกษาอาชีวะสถาบันเทคนิคปทุมธานี และนายภาสพงศ์ กุลอมรกานต์ อายุ 25 ปี อดีตนักศึกษาอาชีวะสถาบันมีนบุรีโปลีเทคนิค หลังประกาศยุติการชุมนุมหน้าธนาคารไทยพาณิชย์สำนักงานใหญ่ เมื่อช่วงค่ำวานนี้(25 พ.ย.) โดยใช้เวลาประชุมร่วม 2 ชั่วโมงครึ่ง
โดย พล.ต.ต.จิรพัฒน์ กล่าวว่า จากการสืบสวนและสอบสวนพยาน 3-4 ปาก ซึ่งเป็นผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ ขณะนี้ ตำรวจเตรียมจะขอศาลออกหมายจับนายภาสพงศ์ ผู้ยิงที่ถูกรุมทำร้ายร่างกายหลังก่อเหตุ เบื้องต้นเป็นความผิดฐานครอบครองอาวุธปืน เนื่องจากมีหลักฐานตั้งแต่ก่อนและขณะเกิดเหตุทั้งภาพจากกล้องวงจรปิด และพยานบุคคลชัดเจน ส่วนอาวุธปืนที่พบนั้นพบเป็นปืนขนาด .38 เบื้องต้นพบว่ามีทะเบียน แต่กำลังตรวจสอบเรื่องการครอบครองและลายพิมพ์นิ้วมือ รวมถึงคราบเขม่าควัน
พล.ต.ต.จิรพัฒน์ กล่าวอีกว่า ส่วนความสัมพันธ์ระหว่างคนยิงกับคนเจ็บนั้น จากการสอบปากคำทราบว่าทั้งคู่เป็นการ์ดของกลุ่มผู้ชุมนุมคณะราษฎรแต่ทั้งคู่ก็พ้นสภาพนักศึกษาอาชีวะทั้ง 2 สถาบัน โดยมีปัญหามาจากเรื่องส่วนตัว ไม่เกี่ยวกับเรื่องการชุมนุม เพราะเหตุการณ์เกิดขึ้นหลังยุติการชุมนุม แล้วมีฝ่ายหนึ่งจะเริ่มขว้างระเบิดปิงปองก่อน แล้วพากันวิ่งหลบหนี จนมีกลุ่มนึงไล่ตาม และคว้าอาวุธปืนมายิง ยืนยันว่าตำรวจไม่มีความกังวลเพราะยึดตามพยานหลักฐานที่ปรากฎ และยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่มีมือที่สาม แม้การ์ดจะบอกว่าไม่ใช่เรื่องทะเลาะกันเอง ก็ต้องสอบปากคำพยานเหตุการณ์อย่างละเอียดถึงเรื่องราวทั้งหมดอีกครั้ง เพราะหลังเกิดเหตุต่างฝ่ายต่างแยกย้ายกันหลบหนี ตอนนี้ยังไม่ได้สอบคนเจ็บทั้ง 2 ราย เพราะแพทย์ไม่อนุญาต
พล.ต.ต.จิรพัฒน์ กล่าวว่า สำหรับมาตรการป้องกันไม่ให้นำอาวุธเข้าพื้นที่ชุมนุมนั้น ตำรวจก็ต้องใช้วิธีขอความร่วมมือจากผู้ชุมนุม ส่วนตำรวจเองก็จะเพิ่มความเข้มงวดในการดูแลประชาชนทุกฝ่ายที่ชุมนุม แต่คงไม่สามารถตั้งด่านตรวจค้นได้อย่างทั่วถึง แต่จะหารือกับแกนนำผู้ชุมนุมได้หรือไม่ คงไม่มีโอกาสเพราะหลายคนมีคดีติดตัวกันอยู่แล้ว