อาชญากรรม

ตร.พหลโยธิน คุมอดีตทหาร ทำแผนยิง พนักงานเซเว่นฯ

พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลพหลโยธิน คุมตัว นายกวิน แสงนิลกุล อดีตทหารเกณฑ์ ผู้ต้องหาในคดีฆ่าผู้อื่นถึงแก่ความตาย ที่ก่อเหตุยิงพนักงานเซเว่นเสียชีวิต ทำแผนประกอบคำรับสารภาพ โดยใช้กำลังตำรวจ 30-40 คน ในการดูแลความปลอดภัยและความเรียบร้อย โดยจะทำแผน 2 จุด

จุดแรกไปทำแผนที่โรงแรมซึ่งผู้ต้องหาพักในซอยลาดพร้าว 25 ซึ่งเข้าไปในซอย 150 เมตร เมื่อตำรวจนำตัวผู้ต้องหามาถึงก็นำตัวลงจากรถเพื่อชี้ ป้ายโรงแรม และ นำตัวไปห้องพัก หลังจากนั้นประมาณ 10 นาที ตำรวจนำตัวผู้ต้องหามาทำแผนจุดที่ 2 ร้านสะดวกซื้อ 7-11 ปากซอยทางเข้าซอยลาดพร้าว 25 ชี้จุดจอดรถยนต์กระบะที่ใช้หลบหนี ก่อนจะนำตัวไปชี้จุดในร้านสะดวกซื้อบริเวณตู้เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และ ที่เคาน์เตอร์บริเวณที่ก่อเหตุ

ทั้งนี้ ตลอดการทำแผนผู้ต้องมาสีหน้าเรียบเฉย ไม่ได้มีการโต้ตอบแต่อย่างใด โดยบรรกาศการทำแผนมีประชาชนหลายคนมารอดูการทำแผน  มีบางส่วนได้ตะโกนด่าทอผู้ต้องหา ประนามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งตำรวจได้จัดพื้นที่โดยนำแผงเหล็กมากั้นเพื่อป้องกันการกระทบกระทั่งระหว่างกัน และ เพื่อให้การทำงานเป็นไปอย่างเรียบร้อย หลังจากนั้น เมื่อทำแผนประกอบคำรับสารภาพแล้วเสร็จ ก็จะควบคุมตัวผู้ต้องหาไปชี้จุดต่อที่ สถานบำบัดและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติด ซึ่งใช้เป็นรพ.สนามรักษาผู้ป่วยโควิด-19 และเป็นที่ที่ผู้ต้องหา ไปก่อเหตุ ต่อเนื่อง ซึ่งอยู่ในพื้นที่รับผิดชอบของสภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์

จากนั้น จึงจะ คุมตัวมาสอบปากคำเพิ่มเติมต่อที่ สน.พหลโยธิน ก่อนจะนำตัวไปขออนุญาตศาลอาญารัชดา ฝังขังผัดแรกในวันพรุ่งนี้ ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์

พันตำรวจเอกประสพโชค เอี่ยมพินิจ ผู้กำกับการสน.พหลโยธิน เปิดเผย ว่า สำหรับปืนของกลาง 2 กระบอก พบว่ามีหนึ่งกระบอกเป็นของผู้ต้องหา ส่วนอีกกระบอกกำลังตรวจสอบ แต่พบว่าเป็นปืนที่มีทะเบียนทั้งสองกระบอก โดยปืนลูกโม่ขนาด จุด38 ผู้ต้องหาอ้างว่าใช้ก่อเหตุในร้านสะดวกซื้อ ส่วนที่โรงพยาบาลสนามใช้ทั้งสองกระบอก ขณะนี้ได้ส่งให้ตำรวจพิสูจน์หลักฐานตรวจสอบเพิ่มเติม

ส่วนในวันเกิดเหตุพบกว่าก่อนเกิดเหตุผู้ต้องหาได้ไปพักกับรุ่นพี่ที่เคยเป็นทหารด้วยกัน โดยได้ไปปรึกษาปัญหาที่เกิดขึ้น แต่ยืนยันว่าไม่ได้พูดคุยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เนื่องจากผู้ต้องหาก่อเหตุตอนที่รุ่นพี่คนนี้หลับไป ก่อนหลบหนี แต่ในกล้องวงจรปิดพบว่าทั้งสองคนมาซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ร้านสะดวกซื้อด้วยกันสองครั้ง จากนั้นตำรวจได้ไปปลุกให้มาสอบปากคำในช่วงเช้าวันที่เกิดเหตุ แต่ไม่มีหลักฐานว่าเกี่ยวข้องทางคดี และเป็นพยานที่ให้ข้อมูลจนนำไปสู่การออกหมายจับผู้ต้องหา

สำหรับกรณีที่ผู้ต้องหาอ้างว่า ถูกผู้บังคับบัญชาระหว่างที่เป็นทหารกดดันเรื่องยาเสพติด หรือการทำร้ายร่างกาย จนทำให้เกิดเหตุการณ์ในครั้งนี้ ผู้ต้องหาได้ให้การกับพนักงานสอบสวนทั้งหมดแล้ว และอยู่ระหว่างพิจารณาว่าจำเป็นต้องเรียกบุคคลที่ถูกกล่าวอ้างมาให้ปากคำหรือไม่ แต่ผู้ต้องหาก็สามารถให้การแบบใดก็ได้ ส่วนจะนำเข้าสำนวนมากน้อยเพียงใดขึ้นอยู่กับการพิจารณา

ขณะที่ประเด็นการรักษาอาการทางจิตเวช เบื้องต้นได้รับข้อมูลจากครอบครัวว่าเคยได้รับการรักษา ส่วนจะเป็นคำกล่าวอ้างของผู้ต้องหาหรือไม่ ต้องไปดูในขณะที่ผู้ต้องหาก่อเหตุว่ามีสติสัมปชัญญะครบถ้วนหรือไม่ โดยจะให้ผู้เชี่ยวชาญเป็นผู้ประเมินอาการ ส่วนกรณีที่สื่อมวลชนบางสำนัก ได้โทรศัพท์ไปพูดคุยกับผู้ต้องหาก่อนที่จะถูกจับกุม เป็นการก้าวล่วงการทำงานของตำรวจหรือไม่นั้น ผู้กำกับการสน.พหลโยธิน เชื่อว่าการกระทำดังกล่าวนั้นเป็นเจตนาที่ดีของทุกฝ่าย แต่ขอสงวนการออกความเห็นในประเด็นดังกล่าว   อย่างไรก็ตาม ในส่วนของการแจ้งข้อหากับผู้ต้องหา ขณะนี้คือ ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และไตร่ตรองไว้ก่อน และพกพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร

Related Posts

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *