มาตรการตรวจคัดกรองบุคคล ที่จะเดินทางเข้ามาประเทศไทย หากเป็นชาวต่างชาติ สิ่งสำคัญ ต้องมีใบรับรองแพทย์ ที่ตรวจยืนยันว่า ไม่มีเชื้อโควิด-19 และที่สำคัญต้องมีวงเงินในบัตรประกันสุขภาพไม่ต่ำกว่า 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ และหากมาจากประเทศกลุ่มเสี่ยง จะต้องผ่านการกักกันตัวมาแล้ว 14 วัน หรือ Self-Quarantine หรือ พิกัด การควบคุมโรค หากมีไข้เกิน 37.5 องศา และตรวจพบเชื้อโควิด-19 ก็จะถูกปฏิเสธการเข้าเมืองทันที
ในกรณีคนไทยนั้น พบว่ามีกลุ่มนักเรียนเดินทางกลับประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น หากไม่มีใบรับรองแพทย์ ก็จะต้องถูกเข้ารับการตรวจสารคัดหลั่งโดยจะใช้เวลา ประมาณ 6 ชั่วโมง หากมีอาการไข้สายการบินที่รับผู้โดยสารมา จะต้องรับผิดชอบ
พลตำรวจโท สมพงษ์ ชิงดวง ผู้บัญชาการ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง กล่าวว่า เมื่อผู้โดยสารลงจากเครื่อง ก็จะผ่านจุดคัดกรองตรวจวัดไข้ ด้วยเครื่องเทอร์โมสแกน จากนั้นก็จะมีเจ้าหน้าที่คอยสแกน อีกครั้ง เพื่อความมั่นใจ โดยประเทศต้นทางทู้โดยสารเดินทางมามาจะต้องมีใบรับรองแพทย์ เมื่อพบว่ามีไข้ก็จะต้องส่งสารคัดหลั่งไปตรวจ และกักตัวไว้ เชื่อว่ามาตรการต่างๆเหล่านี้ ทุกฝ่ายจะต้อง ร่วมด้วยช่วยกัน
สำหรับการตรวจวัดไข้ บริเวณสนามบินจะมีเครื่องเทอร์โมสแกน ติดตั้งอยู่ โดยระบบจะทำงาน โดยอัตโนมัติ นับว่ามีความปลอดภัยในระดับเข้มงวด ส่วนการทำความสะอาดสถานที่จะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง คอยเช็ดเครื่องเทอร์โมสแกน ทุก 2 นาที และมีการฉีดพ่นฆ่าเชื้อเป็นระยะ ในส่วนของเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองที่ต้องทำงานสัมผัสกับพาสปอร์ตของผู้โดยารที่เดินทางเข้า-ออก ประเทศ พบว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้ามเมืองติดเชื้อโควิด19 แล้ว จำนวน 1 นายและถูกกักกันอีก 29 นาย
ขณะที่ กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 1 ชั้น 2 ซึ่งตั้งอยู่ใน อาคารรัฐประศาสนภักดี ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ ถ.แจ้งวัฒนะ กทม. เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ได้จัดระเบียบให้คนต่างด้าว ซึ่งได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวแล้ว ถ้าอยู่ในราชอาณาจักรเกิน 90 วัน คนต่างด้าวผู้นั้นมีหน้าที่ต้องรายงานตัวแจ้งที่พักอาศัยต่อพนักงานสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ทุก90 วัน
ตามปกติจะมีคนต่างด้าวมารายงานตัวในแต่ละวันจำนวนมากหลักร้อยถึงพันคน ในช่วงภาวะแพร่กระจายของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทางรัฐบาล โดย กรุงเทพมหานคร และกระทรวงสาธารณสุข กำหนดให้ใช้มาตราการ ระยะห่างระหว่างบุคคล และสังคม (Social Distancing) ให้มีระยะอยู่ห่างกัน ไม่ใกล้ชิด โดยจัดแถวระยะห่างระหว่างบุคคลเกินกว่า 1 เมตร ยาวออกไปบริเวณลานเอกนกประสงค์ชั้นสอง และที่นั่งภายในสำนักงาน ตม.1 ก็จัดแบ่งเก้าอี้นั่งสลับกันห้ามนั่งใกล้ชิดและติดกัน