นางสาวพรรณิการ์ วานิช อดีต ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ พร้อมด้วยนายกฤษฎางค์ นุตจรัสทนายความ เดินทางเข้าพบ พนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ ปอท. เพื่อรับทราบข้อกล่าวหา ตามความผิด พระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์ กรณีโพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัว เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2556 เกี่ยวข้องกับระบบการปกครองในประเทศไทย
นางสาวพรรณิการ์ เปิดเผยว่า ยังไม่ทราบว่าพนักงานสอบสวนจะแจ้งข้อกล่าวหาใด บ้าง ทราบเพียงว่า เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พร้อมยืนยันจะปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และพร้อมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ซึ่งการแสดงออกดังกล่าวก็เป็นไปตามสิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ ของประชาชน ซึ่งเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นมานานแล้ว สมัยที่ยังเป็นนักศึกษา และสมัยนั้นยังมีการพูดถึงสิทธิเสรีภาพมากว่า 10 ปีมาแล้ว ซึ่งในปัจจุบันก็ยังมีการพูดถึงอยู่ที่ไม่ต่างกัน ทั้งนักเรียน นักศึกษาที่พยายามแสดงออกตามสิทธิ แต่ก็ถูกคุกคาม ถูกชี้เป้าจากประชาชนด้วยกันเอง หรือแม้กระทั่งสื่อมวลชนบ้างสำนัก ซึ่งการแสดงออกดังกล่านี้ รัฐบาลควรรับฟังความคิดเห็นเหล่านี้ว่าเกิดขึ้นจากอะไรและควรมาแก้ปัญหาร่วมกัน ส่วนการถูกฟ้องร้องในคดีนี้จะเป็นการกลั่นแกล้งหรือไม่นั้น นางสาวพรรณิการ์ กล่าวว่าหากไม่ได้เข้ามาสู่การเมือง ก็คงไม่มีคดีฟ้องร้องกับตัวเองมากถึง 6-7 คดี
นอกจากนี้ ช่อ พรรณิการ์ ยังกล่าวถึง กรณีที่เปิดเผยข้อมูลขบวนการ 1MDB ที่รัฐบาลไทยเข้าไปเกี่ยวข้องนั้น ยังรู้สึกผิดหวังกับการที่รัฐบาลออกมาให้ข้อมูล และบอกว่าจะดำเนินคดีหลังจากเปิดเผยข้อมูลดังกล่าว แต่ก็พร้อมจะถูกดำเนินคดีอยู่แล้ว
ส่วนข้อมูลของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เปิดเผยข้อมูลถึงการที่ข้อมูลหมายจับสากล ยังไม่ได้เชื่อมข้อมูลระหว่างสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง กับตำรวจสากล จากการตรวจสอบก็พบว่ามติคณะรัฐมนตรีเมื่อปี 2560 ให้เชื่อมฐานข้อมูลแล้ว แต่ออกมาแถลงว่าเชื่อมข้อมูลได้เมื่อเดือนเมษายน 2562
ส่วนที่กรมราชทัณฑ์ชี้แจงว่าการที่ตำรวจนำบุคคลอื่นเข้าไปร่วมสอบปากคำผู้ต้องหาในเรือนจำโดยอ้างว่าเป็นตำรวจจากสกอตแลนยาด เข้าไปสอบแต่ไม่มีการจดบันทึกบุคคลที่เข้าไปร่วมสอบปากคำด้วย ก็ตั้งคำถามว่าหากมีการนำบุคคลหรือตำรวจปลอมเข้าไปจะสามารถตรวจสอบได้อย่างไร ซึ่งสิ่งที่นำมาเปิเผยนั้นยืนยันว่าไม่ได้เป็นการประจานใคร แต่เป็นสิทธิ์ที่ต้องเปิดเผยข้อมูลให้ประชาชนรับทราบ และรัฐบาลก็จะต้องชี้แจงข้อมูลให้ได้ ซึ่งขณะนี้ทางพรรคก็พบหลักฐานที่รัฐบาลไทยเข้าไปเกี่ยวข้องกับคดีทุจริตระดับโลกนี้แล้ว และเตรียมที่จะเปิดเผยข้อมูลในเร็วๆ นี้ แม้ยังไม่มีการอภิปรายนอกสภารอบสอง แต่ก็มีกระบวนการติดตามข้อเท็จจริงแน่นอน