ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก เวลา 09.00 น. ศาลนัดสืบพยานจำเลย ในคดีหมายเลขดำ อ.356/2561 ที่ “นายยงยุทธ ติยะไพรัช” อดีตประธานรัฐสภา และส.ส.หลายสมัยพรรคพลังประชาชน ยื่นฟ้อง นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ , นายภาษิต หรือไก่ อภิญญาวาท , น.ส.พิชญทัฬห์ หรือไบรท์ จันทร์พุฒ ทั้งสามร่วมเป็นผู้ดำเนินรายการ “ชูวิทย์มีเรื่องเล่า” ออกอากาศสถานีโทรทัศน์ช่อง 33 HD และบริษัท บีอีซี มัลติมีเดีย จำกัด ผู้ประกอบกิจการโทรทัศน์ระบบดิจิตอลของช่อง 3 เป็นจำเลยที่ 1-4 ในความผิดฐานร่วมกันหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326,328 และ ฐานนำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ตาม พ.ร.บ.วาด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560 มาตรา 14 (1)
กรณี นายชูวิทย์ พูดในรายการที่ออกอากาศทางช่อง 33 HD ทำให้ประชาชนเข้าใจว่า นายยงยุทธ เป็นเจ้าของสโมสรฟุตบอลเชียงรายยูไนเต็ด หรือสิงห์เชียงรายยูไนเต็ด มีส่วนเกี่ยวข้องกับกระบวนการค้ามนุษย์ การฟอกเงิน หรือการปั่นหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ จากการพูดถึงเส้นทางการเงินของสถานอาบอบนวดวิคตอเรีย ซีเครท
โดยเมื่อเวลา 10.00 น. นายอุดม โปร่งฟ้า ทนายความของนายยงยุทธ โจทก์ พร้อมด้วย “นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์” อดีตผู้ดำเนินรายการชูวิทย์มีเรื่องเล่า ได้มาแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน
ซึ่ง “นายชูวิทย์” ได้กล่าวขอโทษ “นายยงยุทธ” อดีตประธานรัฐสภา ระบุว่า คดีนี้สืบเนื่องมาจากที่ตนเองเคยทำข่าวและกล่าวในรายการ “ชูวิทย์มีเรื่องเล่า” ช่อง 33 HD และรายการ “ชูวิทย์ตีแสกหน้า” ออกอากาศสถานีโทรทัศน์ช่อง 32 ไทยรัฐทีวี โดยคดีวิตอเรียฯ ตนเป็นคนเปิดประเด็น กระทั่งศาลได้ลงโทษผู้ที่เกี่ยวข้องในคดี
ด้าน “นายอุดม” ทนายความนายยงยุทธ เปิดเผยว่า คดีนี้นายยงยุทธ ฟ้องคดีอาญาหมิ่นประมาทนายชูวิทย์ ขณะทำหน้าที่สื่อมวลชนจัดรายการข่าว รวม 2 สำนวนพร้อมกับสื่อ 2 แห่ง ในคดีหมายเลขดำ อ.356/2561 ( ยื่นฟ้องนายชูวิทย์ , นายภาษิต หรือไก่ อภิญญาวาท , น.ส.พิชญทัฬห์ หรือไบรท์ จันทร์พุฒผู้ดำเนินรายการ “ชูวิทย์มีเรื่องเล่า” ออกอากาศสถานีโทรทัศน์ช่อง 33 HD , บริษัท บีอีซี มัลติมีเดีย จำกัด ผู้ประกอบกิจการโทรทัศน์ระบบดิจิตอลของช่อง 3) และ อ.357/2561 (ฟ้องนายชูวิทย์ ,น.ส.อรชพร หรือมิ้นท์ ชลาดล ผู้ดำเนินรายการ “ชูวิทย์ตีแสกหน้า” ออกอากาศสถานีโทรทัศน์ช่องไทยรัฐทีวี และ บริษัท ทริปเปิล วี บรอดคาสท์ จำกัด ผู้ประกอบกิจการโทรทัศน์ระบบดิจิตอลช่องไทยรัฐทีวี) ซึ่งศาลอาญาได้ประทับรับฟ้องไว้ทั้ง 2 สำนวน แต่ล่าสุดทั้ง 2 ฝ่ายสามารถไกล่เกลี่ยตกลงกันได้ โดยนายชูวิทย์ ยินยอมขอโทษ ซึ่งนายยงยุทธ เห็นว่านายชูวิทย์ น่าจะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ก็ให้อภัย วันนี้จึงมอบหมายให้มาถอนฟ้องทั้งคดีหมิ่นประมาทในศาลอาญา 2 คดี และคดีที่ฟ้องแพ่งไว้ที่ศาลแพ่ง รัชดาภิเษก เรียกค่าเสียหาย 100 ล้านบาท อีก 2 คดีด้วย
