นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9 อุบลราชธานี กรมอุทยานแห่งชาติฯ อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี เดินทางเข้าพบ ร.ต.อ.ภูสิทธิ์ บุตรแสง รอง สว.(สอบสวน) บก.ปปป. เพื่อแจ้งความดำเนินคดี คณะกรรมการป้องกันและปรามปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ชุดทำคดี นายชัยวัฒน์ และเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติ รวม 6 คน รื้อถอนเผาทำลายบ้านเรือน ยุ้งฉาง และทรัพย์สินอื่นๆ ของ นายโคอิ หรือคออี้ มีมิ ชาวกะเหรี่ยงแก่งกระจานและบ้านอีกหลายหลัง โดยให้ออกราชการ
นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า หลังจากคณะกรรมการ ป.ป.ท. มีมติชี้มูลความตน ฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามม.157 และมีมติให้ออกจากราชการนั้น เหมือนเป็นการแช่แข็งให้หยุดทำงาน ซึ่งระหว่างศาลจะมีคำพิพากษาตนคงเกษียณอายุราชการไปแล้ว โดยตนเองมองว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม เนื่องจาก ป.ป.ท. สอบสวนโดยมิชอบ ขาดข้อมูลที่เพียงพอ และกล่าวหาตนเป็นคนเผาหมู่บ้านตั้งแต่แรก ยืนยันตนมีหลักฐานสามารถชี้แจงได้ ส่วนกรณี “บิลลี่” นายพอละจี รักจงเจริญ แกนนำชุมชนกะเหรี่ยงบ้านโป่งลึก-บางกลอย ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) รับเป็นคดีพิเศษ นั้นก็พบว่า ป.ป.ท. มีความเกี่ยวข้องด้วยในการเชื่อมโยงหลักฐาน ทั้งนี้ เมื่อช่วงเช้าตนพร้อมทีมกฎหมาย เดินทางไป ป.ป.ท. เขต 7 จ.นครปฐม เพื่อสอบถามข้อมูลและบอกว่าส่งไปยัง บอร์ด ป.ป.ท. ชุดใหญ่แล้ว พร้อมปฏิเสธบอกรายละเอียด
นายชัยวัฒน์ กล่าวอีกว่า สำหรับคดีเผาบ้าน “ปู่คออี้” พ่อเฒ่ากะเหรี่ยงบ้านบางกลอย พร้อมบ้านอีก 98 หลังนั้น ตนขอชี้แจงว่าชุดปฏิบัติได้เผาทำลายหมู่บ้านทางจังหวัดภาคเหนือเนื่องจากเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นได้พบกลุ่มคนพกพาอาวุธและยาเสพติด ซึ่งไม่ทราบฝ่ายจึงต้องเผาทำลาย ส่วนหมู่บ้านของ “ปู่คออี้” อยู่ที่ห้วยสามแพร่ง จ.ราชบุรี รวมทั้งไม่มีการเผาทำลายแต่อย่างใด เพราะเป็นสถานที่คนละแห่งกัน และมาสรุปกล่าวหาพวกตนเป็นคนผิด
“ผมทำปฏิบัติหน้าที่เพื่อแผ่นดินมาตลอดรับราชการ จับกุมพวกค้าสัตว์ป่า ค้าไม้ ซึ่งการชี้มูลความผิดนั้นกระทบต่อขวัญกำลังใจเจ้าหน้าที่ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่ได้รับหนังสือชี้แจ้งทางหน่วยงานต้นสังกัดให้ออกจากราชการ ถือว่ายังต้องปฎิบัติหน้าที่อยู่ ทั้งนี้ มาแจ้งความเอาผิดคณะกรรมการ ป.ป.ท. ชุดดังกล่าว ตามความผิด ม.157 และ ม.200 วรรคสอง พร้อมนำหลักฐานเป็นเอกสารการเสนอข่าวตามสื่อต่างๆ มามอบให้เจ้าหน้าที่”