อาชญากรรม

จับรตอ.สันติบาล งัดรถ สตอ. จอดใน อาคาร สารภาพดอดขโมยของหลายรายการ

 

พ.ต.อ.ภพธร จิตต์หมั่น ผู้กำกับการสน.ปทุมวัน ได้รับรายงานเหตุจาก ร.ต.ท.ปรีชา เข็มศิริ รอง สว. (สอบสวน) สน.ปทุมวัน ว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจกองรักษาการณ์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ได้จับกุม ร.ต.อ.เอกชัย เพ็งจันทร์ อายุ 41 ปี รอง สว.ฝ่ายธุรการและกำลังพล บก.อก.บช.ส. ก่อเหตุใช้ไขควงงัดรถเก๋งฮอนด้า ซีวิค สีน้ำเงิน ทะเบียน ภจ 3641 กรุงเทพมหานคร ของ ส.ต.ท.อนุสรณ์ บุษบาบาล ผบ.หมู่ กก.2 บก.ส.3 บช.ส. ที่จอดไว้บริเวณลานจอดรถหน้าอาคารกองพิสูจน์หลักฐาน พฐ. (อาคาร 16) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมของกลางเป็น อุปกรณ์ในการงัดแงะและทรัพย์สินที่ถูกขโมยไปหลายรายการ

จากรายงานระบุว่า เมื่อเวลา 05.00 น. วันที่ 9 ก.พ. ขณะที่ ส.ต.ท.อนุสรณ์ กำลังเดินไปบริเวณลานจอดรถหน้าอาคารกองพิสูจน์หลักฐาน พบคนร้ายเป็นชายกำลังงัดรถของตนเองอยู่จนทำให้กระจกรถด้านหน้าและกระจกประตูหลังขวาแตกเสียหาย ส.ต.ท.อนุสรณ์ จึงแสดงตัวขอตรวจสอบจนทราบว่าผู้ก่อเหตุชื่อ ร.ต.อ.เอกชัย เพ็งจันทร์ โดยถือไขควงอยู่ในมือ จากการสอบถาม ร.ต.อ.เอกชัย รับสารภาพว่า เป็นผู้ลงมือก่อเหตุจริงได้ทรัพย์สิน ยางอะไหล่ รองเท้าคอมแบต รองเท้าผ้าใบ และพระเครื่อง เลี่ยมพลาสติกเชือก อีกทั้งรับสารภาพด้วยว่า ก่อเหตุลักเครื่องพีซีคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์ต่างๆมาจากชั้น 4 อาคาร 6 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นำสิ่งของทั้งหมดไปเก็บไว้ในรถกระบะโตโยต้า วีโก้ สีบรอนซ์ทอง เป็นรถของผู้ต้องหาที่จอดไว้ใกล้กับรถผู้เสียหาย จากการตรวจค้นพบของกลางทั้งหมดอยู่ภายในรถจริง นำตัว ร.ต.อ.เอกชัยพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สน.ปทุมวัน ดำเนินคดี

ด้าน พ.ต.อ.ภพธร จิตต์หมั่น ผกก.สน.ปทุมวัน กล่าวถึงความคืบหน้าคดีว่า พนักงานสอบสวนสอบปากคำ ร.ต.อ.เอกชัยเรียบร้อยแล้ว แจ้งข้อหาลักทรัพย์ในสถานที่ราชการในเวลากลางคืน ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตามข้อกล่าวหา ขณะนี้ควบคุมตัวไว้ในห้องขัง สน.ปทุมวัน ก่อนนำตัวส่งศาลอาญากรุงเทพใต้ ในวันที่ 11 ก.พ. ส่วนการดำเนินการทางวินัยต้นสังกัดจะตั้งคณะกรรมการสอบสวนต่อไป

พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. กล่าวว่า บช.ส.ได้มีคำสั่งตั้งกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง ร.ต.อ.เอกชัย และมีคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนแล้ว ตนรายงานให้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ทราบแล้ว ได้สั่งการให้สอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานด้วยความรอบคอบรวดเร็ว หากทำผิดจริงต้องเอาโทษให้ถึงที่สุดทั้งทางวินัยและทางอาญาอย่างเด็ดขาด โดยต้องรับโทษหนักกว่าบุคคลธรรมดาเพราะว่าเป็นผู้บังคับใช้กฎหมายแต่กลับทำผิดเสียเอง

Related Posts

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *