นายณัฐภัทร รัตนถาวร อายุ 18 ปี เศษ สัญชาติไทย ที่ชาว จ.ศรีสะเกษ ผู้ต้องหาในความผิดฐาน “ มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาไอซ์) ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย ”ถูกตำรวจกองปราบปราม จับกุมตัวได้ ที่ห้องพักในอ.เมือง จ.ภูเก็ต พร้อมยึดของกลาง ยาไอซ์ จำนวน 2 ถุง และ อุปกรณ์การเสพ
จากกรณีเมื่อวันที่ 16 ก.ย.ที่ผ่านมา ตำรวจกองปราบปราม ได้รับแจ้งจากภรรยาของ นายณัฐภัทร ผู้ต้องหารายนี้ ว่า นายณัฐภัทร ได้เดินทางไปที่ จ.ภูเก็ต เพื่อไปทำงานเกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัย โดยคำแนะนำของเพื่อนรุ่นพี่ แต่ สามีแจ้งว่า ถูกหลอกให้ไปเฝ้ายาเสพติด ซึ่ง นายณัฐภัทร ฯ อ้างกับ ภรรยา ว่า กลัว และอยากกลับบ้าน แต่ไม่สามารถกลับได้
พร้อมกันนี้ นายณัฐภัทร ยังโพสต์เฟสบุ๊ค ในลักษณะสั่งเสีย และอ้างว่าถูกทำร้าย ภรรยาเกรงว่า นายณัฐภัทร จะได้รับอันตรายแก่ชีวิต ร่างกาย จึงมาพบพนักงานสอบสวนกองปราบปราม เพื่อขอความช่วยเหลือ ให้ช่วยติดตามหาตัว นายณัฐภัทร ฯ
หลังรับแจ้งตำรวจกองปราบปราม จึงเดินทางไปที่ ห้องพักแห่งหนึ่ง พบกับชาย ที่มีตำหนิรูปพรรณตรงกับ นายณัฐภัทร ยืนเล่นโทรศัพท์อยู่บริเวณระเบียงหลังห้อง เมื่อชายคนดังกล่าวเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจแสดงท่าทางมีพิรุธ รีบวิ่งเข้าไปในห้อง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้รีบติดตามชายคนดังกล่าวเข้าไปในห้อง พบ ยาไอซ์จำนวน 2 ถุง พร้อมอุปกรณ์การเสพยาไอซ์ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงยึดไว้เป็นของกลาง
สอบถาม นายณัฐภัทร รัตนถาวร รับว่าตนได้เดินทางมาที่จังหวัดภูเก็ตเนื่องจากได้รับการติดต่อจาก นายโจ้ฯ (ไม่ทราบชื่อ-สกุลจริง) ซึ่งเป็นชายรักชาย ว่าให้มาอยู่ด้วยที่จังหวัดภูเก็ต 7 วัน โดยจะให้ค่าจ้างเป็นเงิน 10,000 บาท โดยนายณัฐภัทรฯ ได้โกหกภรรยา ว่ามาทำงานเป็นคนคุมสถานบริการ ขณะที่อยู่ด้วยกันกับนายโจ้ฯ ก็ได้จัดหายาเสพติด(ยาไอซ์) มาเสพและอยู่กินด้วยกัน แต่เมื่ออยู่ครบ ๗ วัน นายโจ้ฯ ก็ไม่ได้ให้ค่าจ้างตามที่ตกลงกันไว้ แต่บอกว่าให้อยู่ต่ออีกจนถึงวันที่ 16 กันยายน 2562 แล้วจะให้เงินค่าจ้างและซื่อตั๋วเครื่องบินให้กลับบ้าน นายณัฐภัทรฯ จึงได้โกหกสร้างเรื่องราวว่าอยากกลับบ้านแต่ไม่สามารถกลับได้
ตรวจสอบร่างกายนายณัฐภัทรฯไม่พบร่องรอยถูกทำร้ายร่างกายแต่อย่างใด เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้จับกุม นายณัฐภัทร รัตนถาวร พร้อมของกลางยาไอซ์ ในความผิดฐาน “มียาเสพติดให้โทษประเภท ๑ (เมทแอมเฟตามีนหรือยาไอซ์) ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย” นายณัฐภัทรฯรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา นำตัวส่ง พงส.สภ.เมืองภูเก็ต ดำเนินคดีตามกฎหมาย