ตำรวจกองปราบปราม จับกุม นายสนอง ไวเชิงค้า อายุ 54 ปี ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดบุรีรัมย์ ที่ จ.187/2562 ลงวันที่ 31 กรกฎาคม 2562 โดยกล่าวหาว่ากระทำผิดฐาน โดยกล่าวหาว่า “ร่วมกันลักทรัพย์ในเคหสถานโดยใช้ยานพาหนะ เพื่อสะดวกในการกระทำความผิดหรือพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นการจับกุม”
จากกรณีที่ น.ส.ธวัลกร แคฝอย ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมไปก่อนหน้าที่ เนื่องจากได้ก่อเหตุหลอกลวงชาวบ้าน โดยการใช้รถกระบะและนำรถจักรยานยนต์ของตนขึ้นท้ายกระบะเข้ามาในพื้นที่ภาคอีสานเพื่อก่อเหตุ โดยการขับรถจักรยานยนต์เข้าไปในหมู่บ้าน ชุมชม หรือที่พักอาศัย เมื่อเห็นเป้าหมายเป็นคนแก่สูงอายุ ได้เข้าไปซักถามบอกว่ารู้จักกับลูกหรือคนในบ้านของเหยื่อหลังจากนั้นหลอกให้เหยื่อไปเก็บผักหลังบ้าน หรือไปทำกับข้าวให้กิน หรือหลอกให้ไปทำสิ่งอื่นใด ซึ่งอยู่ภายนอกบ้าน พอสบโอกาสและได้จังหวะ ก็เข้าไปค้นหาทรัพย์สินของมีค่าของเหยื่อผู้สูงอายุเหล่านั้น และขโมยไป ก่อนที่ จะจับกุมตัว น.ส.ธวัลกรฯ ได้ในที่สุด
ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.ป. ได้ทำการสืบสวนขยายผลเพิ่มเติม จนทราบว่า น.ส.ธวัลกรฯ ไม่ได้ก่อเหตุเพียงคนเดียว และได้ไปขอหมายค้นต่อศาลเพื่อทำการตรวจค้นบ้านของ น.ส.ธวัลกรฯ พบพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดหลายรายการ นำมาสู่การขอหมายจับผู้ร่วมก่อเหตุอีก 1 ราย คือ นายสนอง ไวเชิงค้า ผู้เป็นสามี และถูกจับกุมตัวในเวลาต่อมา เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ก่อนจะนำส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
กองปราบปราม จึงขอประชาสัมพันธ์เตือนภัยประชาชน อย่าได้หลงเชื่อกลุ่มแก๊งมิจฉาชีพ ที่แอบอ้างตนเป็นญาติ หรือเป็นเพื่อนของคนในบ้าน จะแสดงความสนิทสนม และขอเข้าบ้าน เพราะอาจตกเป็นเหยื่อถูกขโมยทรัพย์สินและเงินทอง ได้