วันนี้ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษหรือ DSI ได้มีตัวแทนกลุ่มคนไทยที่อาศัย อยู่ในประเทศออสเตรเลีย ได้เดินทางเข้าแจ้งความกับDSI ในกรณีถูกโกงเงินจากการเล่นแชร์กินดอก ส่งผลให้มีผู้ได้รับความเสียหายกว่า 250 คน รวมมูลค่ากว่า 50 ล้านบาท
ขณะที่น.ส.พิมพ์ลดา อายุ 37 ปี ได้อาศัยอยู่ที่ออสเตรเลียนานกว่า 10ปี และเป็นตัวแทนผู้เสียหาย ได้เปิดเผยว่า ถูกชักชวนให้มาร่วมลงทุนด้วยการนำเงินมาฝากไว้ และจะได้รับดอกเบี้ยโดยมีวิธีการคือ การตั้งกลุ่มในเฟสบุ๊กใช้ชื่อว่าบ้านเพียงตะวัน เพื่อใช้ในการพูดคุยและร่วมลงทุน โดยมีวิธการออมเงินคือ 1เดือน ลงทุน 2500 ดอลลาร์ และจะได้รับเงินคืนทุกสิ้นเดือน 3000 ดอลลาร์พร้อมระบุว่า การฝากเงินแบบนี้จะทำให้ได้รับดอกเบี้ยเร็วและมากกว่าการฝากเงินกับธนาคาร
นอกจากนี้ทางเจ้ามือได้สร้างความน่าเชื่อถือด้วยการโพสภาพการใช้ชีวิตที่หรูหราในต่างประเทศ พร้อมกับมีการแจกทอง เครื่องสำอางและกระเป๋าแบรนด์เนมให้กับผู้ที่ร่วมฝากเงิน และบอกว่าตนเองนั้น ไม่โกง นักเลงพอ จึงทำให้มีผู้สนใจและอยากจะร่วมลงทุนด้วย
ตัวแทนผู้เสียหายได้กล่าว เพิ่มเติมอีกว่า ตนเองนั้นเริ่มลงทุนครั้งแรกด้วยเงิน 2500 ดอลลาร์ และได้รับเงินคืน3000 ดอลลาร์ ตามที่ระบุจริง จึงทำให้อยากที่จะลุงทุนเพิ่มขึ้น เพื่อจะนำเงินกลับประเทศไทย แต่เมื่อลงทุนครั้งที่สองไปพอครบกำหนดเวลาที่จะได้รับเงินคืน กลับโดนทางเจ้ามือบ่ายเบี่ยง พร้อมบอกว่าตนเองล้มไม่มีเงินจ่าย แต่จะทยอยจ่ายคืนให้สัปดาห์ละ 500 ซึ่งตั้งแต่วันเกิดหตุคือปลายเดือนมีนาคม จนถึงขณะนี้ ตนเองได้รับเงินคืนเพียง 500 ดอลลาร์เท่านั้น เบื้องต้นตนเองและผู้เสียหายบางส่วนที่ได้รับผลกระทบจึงต้องรวมตัวกันเพื่อไปขอความช่วยเหลือจากสถานกุงศลไทยในซิดนีย์ และตำรวจออสเตรเลียเรียบร้อย
ก่อนจะเตรียมเอกสารเดินทางเข้ามาร้องเรียนต่อ DSI
เบื้องต้นทราบว่าเจ้ามือรายนี้ ชื่อน.ส.เพียงตะวัน สมพินิจ อายุ 31 เป็นคนไทยที่ไปเรียนต่อในประเทศออสเตรเลีย ได้ทำการตั้งกลุ่มเล่นแชร์กินดอกและโกงเงิน จนมีผู้ได้รับความเสียหายกว่า250 คน ซึ่งล้วนแต่เป็นคนไทยที่เคยอาศัยและกำลังอาศัยอยู่ในประเทศออสเตรเลีย รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 50 ล้านบาท โดยในขณะนี้มีผู้เสียดายที่พร้อมจะเดินทางเข้ามาให้ปากคำเพื่อเติมแล้วกว่า 12 คน
