นายประสาร มหาลี้ตระกูล อธิบดีกรมคุมประพฤติ ร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กองบัญชาการตำรวจนครบาล และมูลนิธิเมาไม่ขับ จัดกิจกรรม “คุมประพฤติเข้ม จับมือภาคี ร่วมใจลดอุบัติเหตุ ช่วงเทศกาลสงกรานต์ “ เพื่อสร้างความตระหนักรู้ และกระตุ้นเตือนจิตสำนึกให้แก่ผู้ใช้รถใช้ถนนตามเส้นทางต่างๆ รวมถึงการป้องกันและลดอุบัติเหตุในช่วงเทศกาลวันสงกราต์
โดย อธิบดีกรมคุมประพฤติ ระบุว่า นอกจากการจัดกิจกรรมรณรงค์แล้ว กรมคุมประพฤติยังได้ร่วมมือกับสำนักงานตรวจแห่งชาติ กองบัญชาการตำรวจนครบาล ในการจัดให้ผู้ถูกคุมความประพฤติ ทำงานบริการสังคมในช่วง7วันอันตราย ทั้งในเขตกรุงเทพมหานคร และพื้นที่ต่างจังหวัดทั่วประเทศ โดยให้ทำหน้าที่เป็นอาสาจราจรช่วยเจ้าพนักงานตำรวจปฎิบัติหน้าที่ประจำจุดอำนวยการจราจร ด่านชุมชน จุดบริการประชาชน และจุดที่มีการจัดให้เล่นน้ำสงกรานต์ ช่วยเจ้าพนักงานปฏิบัติงานที่สถานีตำรวจและด่านตรวจค้น
ส่วนในพื้นที่ต่างจังหวัดผู้ถูกคุมความประพฤติจะปฏิบัติงานในช่วงเวลากลางคืน เพื่อทำหน้าที่ ช่วยเหลือเจ้าหน้าที่กู้ภัยตามความสมัครใจของผู้ถูกคุมความประพฤติ
ขณะเดียว กรมคุมประพฤติ ยังเน้นมาตรการเข้มต่อเนื่องจากเทศกาลปีใหม่ที่ผ่านมา มีผู้กระทำผิดซ้ำในคดีขับรถขณะเมาสุรา ขับรถประมาท หรือความผิดอื่นๆ ตาม พรบ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 กรมคุมแระพฤติ จึงจัดให้มีการดูแลเหยื่อและผู้ป่วยติดเตียงจากอุบัติเหตุทางถนน การพาเหยื่อไปทัศนศึกษา การเป็นอาสาจราจร การเรียนรู้จากโรงพยาบาลหรือห้องดับจิต การเข้าโปรแกรมการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมติดสุรา และอบรมให้ความรู้เพื่อป้องกันไม่ให้กระทำผิดซ้ำอีก
นอกจากนี้ อธิบดีกรมคุมประพฤติ ยังยืนยันว่า ในฐานะที่กรมคุมประพฤติ มีบทบาทในการแก้ไขฟื้นฟูผู้กระทำผิด จึงออกมาตรการลงโทษอย่างเฉียบขาดกับบุคคลกร ที่กระทำผิดในคดีขับรถขณะเมาสุรา ไปจนถึง เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงต่อชีวิตและทรัพย์สินของผู้อื่น จะมีการพิจารณาดำเนินการทางวินัย ไปจนถึงขั้นไล่ออก หากเป็นความผิดร้ายแรง
ส่วนด้าน นายแพทย์แท้จริง ศิริพานิช เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ ได้กล่าว ยกย่องให้กรมคุมประพฤติเป็นองค์กรภาครัฐแห่งแรกที่มีธรรมาภิบาลด้านการจราจรพร้อมจะผลักดันนำเข้าที่ประชุมในวันเปิดศูนย์สร้างความปลอดภัยทางถนนด้วย
อย่างไรก็ตาม สำหรับในช่วงเทศกาลวันสงกรานต์ กรมคุมประพฤติ มีรายชื่อผู้ถูกคุมประพฤติกว่า 10,000 ราย ซึ่งขณะนี้ อยู่ระหว่างให้กรมคุมประพฤติทั่วประเทศ ตรวจสอบรายชื่อบุคคลที่เป็นกลุ่มเสี่ยง มีแนวโน้มกลับมากระทำผิดซ้ำ ก่อนจะประสานไปยังสถานีตำรวจต่างๆทั่วประเทศ เพื่อให้กลุ่มคนเหล่านี้ลงไปปฏิบัติหน้าที่ตามจุดบริการประชาชนในช่วงเทศกาลที่จะถึงนี้ด้วย