น.ส.วิภา บานเย็น อายุ 47 ปี ผู้บริหารโรงเรียนแห่งหนึ่งใจจังหวัดกำแพงเพชรที่ถูกยึดบ้านและที่ดินตามหมายศาลหลังจากเป็นผู้คำประกันกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา(กยศ.) ให้กับลูกศิษย์ 60 คน วันนี้ได้เดินทางมาที่กรมบังคับคดีเพื่อเข้าพบนางเพ็ญรวี มาเเสง ผู้อำนวยการกองฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้ ในฐานะโฆษกกรมบังคับคดี กระทรวงยุติธรรม เพื่อปรึกษาหารือข้อกฎหมายร่วมกับนายปรเมศวร์ สังข์เอี่ยม ผู้อำนวยการฝ่ายคดีเเละบังคับคดีเเละรักษาการผู้อำนวยการฝ่ายบริหารหนี้ กองทุนให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา หรือ กยศ. หลังได้รับความเดือดร้อน ต้องชำระหนี้กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา หรือ กยศ.แทนนักเรียนกว่า 30 คน เพราะได้เซ็นค้ำประกันให้เเต่ต่อมานักเรียนทั้งหมดก็ไม่ชำระหนี้
ครูวิภา ระบุหลังการเจรจานานกว่า 2 ชั่วโมงว่า วันนี้ตนเองเครียดและเดือดร้อนมาก อยากได้ที่ดินที่เป็นมรดกตกทอดของครอบครัวที่ถูกยึดคืน จึงฝากขอให้ลูกศิษย์ที่ตนเซ็นค้ำประกันให้ไปช่วยดำเนินการชำระหนี้ให้ด้วยเพื่อลดภาระที่ตนเอง sลังจากที่ยื่นเรื่องวันนี้อาจจะต้องใช้ระยะเวลาอีก 10 ปีเรื่องถึงจะจบ ตนเองก็กังวลว่าวันต่อๆไปหรือ ปีต่อๆไปจะมีหมายศาลบังคับคดีมาที่ตนอีกหรือไม่ และตนจะทำชดใช้หนี้อีกเท่าไหร่ หลังจากนี้คงไม่เซ็นค้ำให้ใครอีกแล้วและหากย้อนกลับไปได้ก็คงไม่ทำแบบนี้
ด้านนายปรเมษฐ์ สังข์เอี่ยว ระบุว่า ขณะนี้ยังมีลูกศิษย์ของครูวิภาอีก 23 รายที่ยังไม่ได้ดำเนินการชำระหนี้ เบื้องต้นทาง กยศ. จะระงับการบังคับคดีและการขายทอดตลาดทรัพย์สินของครูวิภาไว้ชั่วคราว เพื่อให้คดีเข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ยหนี้ในชั้นบังคับคดี โดยหลังจากนี้จะเร่งดำเนินการติดต่อไปยังลูกศิษย์ที่เหลือเพื่อให้มาชำระนี้ เพื่อให้หมายบังคับของศาลหยุดไป พร้อมยืนยันว่าไม่ว่าลูกศิษย์ครูวิภาจะอยู่ที่ไหนสามารถตรวจสอบข้อมูลที่อยู่ ที่ทำงานได้ และเมื่อได้มีการชำระจะนำเงินส่วนนั้นมาชำระส่วนของครูวิภาก่อนเพื่อลดภาระให้กับครูวิภา แต่ทั้งนี้หากลูกศิษย์ที่เหลือไม่มาชำระภาระหนี้สินก็จะตกไปเป็นของครูวิภาอีกครั้งเนื่องจากเป็นผู้ค้ำและต้องชำระตามกฎหมาย