วันนี้ (26 ม.ค. 65) ที่สำนักงานอัยการสูงสุด นายอิทธิพร แก้วทิพย์ อธิบดีอัยการ สำนักงานคดีอาญา และโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด, นายประยุทธ เพชรคุณ รองอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีพิเศษ และรองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด, นายชัยพร เกริกเกียรติกุลธร อธิบดีอัยการ สำนักงานคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชน, นายจุมพล พันธุ์สัมฤทธิ์ อธิบดีอัยการสำนักงานต่างประเทศ, นายณรงค์ ศรีระสันต์ อัยการพิเศษฝ่ายแผนช่วยเหลือทางกฎหมาย สำนักงานคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชน และนายยรรยง เดชภิรัตนมงคล เลขาธิการสำนักงานอัยการสูงสุด ร่วมแถลงผลงานของสำนักงานอัยการสูงสุดในรอบปี 2564 และทิศทางการดำเนินงานเชิงรุกในปี 2565 ว่า
สำนักงานอัยการสูงสุดมีภาพรวมการทำงานในปี 2564 ดังนี้ 1. ด้านการอำนวยความยุติธรรม สำนักงานอัยการสูงสุดรับสำนวนคดีจากพนักงานสอบสวนทั่วประเทศ จำนวนทั้งสิ้น 483,141 คดี มีการสั่งและดำเนินคดีแล้วเสร็จ จำนวน 435,527 คดี คิดเป็นร้อยละ 90.15 และอยู่ระหว่างการสอบสวนเพิ่มเติม จำนวน 47,614 คดี คิดเป็นร้อยละ 9.85 จากสถิติดังกล่าวพบว่าจำนวนสำนวนคดี ที่รับจากพนักงานสอบสวนลดลงจากปี 2563 คิดเป็นร้อยละ 9.26 (รับสำนวน 532,474 คดี) โดย 3 อันดับสำนวนคดีที่ได้รับสูงสุด อันดับที่ 1 ได้แก่ คดีที่เกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษ 2. ด้านการรักษาผลประโยชน์ของรัฐ ได้ดำเนินการตรวจร่างสัญญาของหน่วยงานต่าง ๆ จำนวน 569 เรื่อง ทุนทรัพย์ร่างสัญญา จำนวน 345,276,568,690.11 บาท ในจำนวนนี้เป็นร่างสัญญา เกี่ยวกับการนำเข้าวัคซีนของรัฐบาล จำนวน 45 เรื่อง 3. ด้านการคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชน ได้ให้บริการเกี่ยวกับการคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชนในด้านต่าง ๆ จำนวน 88,569 ราย สำหรับในปี 2565 สำนักงานอัยการสูงสุด พร้อมขับเคลื่อนภารกิจเชิงรุก โดยมุ่งเน้นการให้บริการ เป็นที่พึ่งด้านกฎหมายของรัฐและประชาชน เพื่อให้ประชาชนได้รับบริการด้านกฎหมายอย่างสะดวกและรวดเร็ว โดยจัดให้มีโครงการคุ้มครองสิทธิ และช่วยเหลือ ทางกฎหมายแก่ประชาชนในวันหยุดราชการ (วันเสาร์) ระหว่างเวลา 08.30 – 16.30 น. โดยเปิดให้บริการนำร่องในระยะแรก 9 จังหวัด
ได้แก่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา, จังหวัดชลบุรี, จังหวัดนครราชสีมา, จังหวัดขอนแก่น, จังหวัดเชียงใหม่, จังหวัดพิษณุโลก, จังหวัดราชบุรี , จังหวัดสุราษฎร์ธานี และจังหวัดสงขลา ซึ่งเป็นจังหวัดที่ประชาชนต้องการใช้บริการเป็นจำนวนมาก และสำหรับพื้นที่กรุงเทพมหานครได้เปิดให้บริการสายด่วนให้คำปรึกษากฎหมาย 1157 นอกจากนี้ ยังจะมีโครงการจัดบริการรถโมบายเคลื่อนที่ซึ่งเป็นโครงการเชิงรุกที่สำคัญอีกหนึ่งโครงการของสำนักงานคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชนให้บริการด้านกฎหมายเคลื่อนที่ เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชน และสร้างโอกาสในการเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมได้อย่างทั่วถึงมากยิ่งขึ้น
และจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19ในปัจจุบันยังไม่คลี่คลาย ส่งผลให้สำนักงานอัยการสูงสุด ต้องมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงาน ตามแนวทางการทำงานแบบ New Normal โดยการนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่ออำนวยความสะดวกและป้องกันเชื้อโควิด-19 ซึ่งได้นำระบบอัยการช่วยได้ “OAG-Lawaid” มาให้บริการในด้านการยื่นคำร้องขอปรึกษาปัญหากฎหมาย หรือยื่นคำร้องขอรับความช่วยเหลือ รวมถึงติดตามสถานะเรื่องที่ขอคำปรึกษาปัญหากฎหมาย หรือขอรับความช่วยเหลือ รวมทั้งแจ้งเตือนการนัดหมายกับพนักงานอัยการ เป็นการอำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงกระบวนการให้ความช่วยเหลือทางกฎหมายที่หลากหลาย ได้รับข้อมูลกฎหมายที่ถูกต้อง จากพนักงานอัยการที่เชี่ยวชาญ รวมถึงประหยัดเวลา สะดวกรวดเร็ว ลดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ขณะเดียวกันสำนักงานอัยการสูงสุดอยู่ระหว่างการจัดทำระบบสืบพยานออนไลน์ เพื่อให้บริการอย่างมีประสิทธิภาพ รวดเร็ว กระชับ