วันที่ 27 กรกฎาคม 2564 ที่กองบังคับการปราบปราม นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรมเข้าแจ้งความดำเนินคดี นายอภิวัฒน์ ขันทอง กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และประธานคณะกรรมการตรวจสอบและดำเนินคดีแก่ผู้เผยแพร่ข้อความอันเป็นเท็จเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี หรือ คตส.ในข้อหาแจ้งความเท็จกลั่นแกล้งผู้อื่นให้รับโทษทางอาญา นายอัจฉริยะ กล่าวว่า จากการที่นายอภิวัฒน์ อ้างว่าได้รับหนังสือมอบอำนาจจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีอำนาจในการตรวจสอบและดำเนินคดีกับบุลคลทั่วไปที่พาดพิงรัฐบาลและกล่าวถึงนายกรัฐมนตรีซึ่งในวันที่ 29 ม.ค. 64 ที่ผ่านมานายอภิวัฒน์ ได้แจ้งความตนที่ สน.นางเลิ้ง ในข้อหาดูหมิ่นเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่และหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา จากการที่ด่านายกรัฐมนตรีว่า “นายกฯส้นตีน” รวมถึงกล่าวหาว่ามีคนของรัฐบาลเกี่ยวข้องกับการลักลอบขนแรงงานเถื่อนและค้าของเถื่อน จากนั้นได้ตรวจสอบไปยังคำสั่งของ คตส. พบว่าไม่มีอำนาจในการร้องทุกข์แทน พล.อ.ประยุทธ์ เนื่องจากว่าเป็นความผิดในฐานดูหมิ่นด้วยการโฆษณา เป็นความผิดส่วนตัว พล.อ.ประยุทธ์ ต้องมอบอำนาจให้นายอภิวัฒน์ เป็นเอกสารหนังสอบมอบอำนาจไม่ใช่หนังสือตรวจสอบของ คตส.ดังนั้น นายอภิวัฒน์ จึงไม่มีอำนาจในการร้องทุกข์กล่าวโทษ ถือได้ว่าเป็นการแจ้งความเท็จ
ทั้งนี้ยังเชื่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ทราบด้วยซ้ำว่านายอภิวัฒน์ เอามาแอบอ้างในการแจ้งความ ซึ่งตนได้ทำหนังสือถึงอัยการให้สอบ พล.อ.ประยุทธ์ ด้วยแล้ว ว่ามอบอำนาจมาจริงหรือไม่ ประชาชนจะได้รู้ทั้งประเทศว่า คำสั่งของ คตส. พล.อ.ประยุทธ์ เป็นคนมอบอำนาจให้ฟ้องประชาชนเป็นความจริงหรือไม่อย่างไร ซึ่งอัยการนัดฟังคำสั่งในวันที่ 5 ส.ค. 2564 นี้
นายอัจฉริยะ ยังกล่าวว่า ไม่ใชว่ารัฐบาลจะใช้วิธีปิดปากโดยให้นายอภิวัฒน์ อ้างคำสั่ง คตส. กล่าวหาคนที่เห็นต่างกับรัฐบาล ซึ่งเป็นการวิพากษ์วิจารณ์โดยสุจริตและเป็นประโยชน์แก่สาธารณะ ส่วนดารา และนิสิต นักศึกษา ที่ถูกนายอภิวัฒน์ฟ้อง ขอให้สู้ได้เลย ไม่ต้องกลัวว่าสู้ได้แน่นอนในกระบวนการยุติธรรม เชื่อมั่นอัยการและศาลกระบวนการยุติธรรม แต่ไม่เชื่อมั่น สน.นางเลิ้ง เนื่องจากว่าทุกคดีของนายอภิวัฒน์ จะมีหัวหน้างานสอบสวนและผู้กำกับ สน.นางเลิ้ง ร่วมกันทำคดีให้กับนายอภิวัฒน์ มากกว่า 100 คดีในปัจจุบันนี้
ส่วนกรณีที่นายอัจฉริยะ ได้พูดพาดพิงรัฐบาลจริงหรือไม่นั้น นายอัจฉริยะ ระบุว่า สิ่งที่พูดคือความจริง ประเทศไทยขมีบวนการลักลอบขนแรงงานเถื่อนล้วนก็มาจากเจ้าหน้าที่รัฐทั้งสิ้น ซึ่งมีเจ้าหน้าที่รับสินบนเกี่ยวข้องกับการขนแรงงานเถื่อนกว่า 33 นาย ยังรวมถึงขบวนการค้าของเถื่อน หนีภาษีที่เป็นคนของรัฐบาลกล่าวอ้างว่าเป็นคนของสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งพรรคภูมิใจไทยยังไม่ยอมชี้แจงเลยว่าคนที่ค้าของเถื่อนรายนี้ ที่จับได้ที่จังหวัดนนทบุรี ที่ได้มีการกล่าวอ้างถึงรองประสภาผู้แทนราษฎร พรรคภูมิใจไทย มีส่วนเกี่ยวข้องจริงหรือไม่ ขณะนี้พรรคภูมิใจไทยยังไม่ได้มีการแถลงข่าวว่าเลยว่าเป็นความจริงหรือไม่แต่อย่างใด