ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก อ่านคำพิพากษาคดี นปช.ก่อการร้าย หมายเลขดำ อ.2542/53 ที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีพิเศษ 1 เป็นโจทก์ฟ้องนายวีระ หรือวีระกานต์ มุสิกพงศ์ อดีตประธาน นปช.หรือกลุ่มคนเสื้อแดง กับพวกรวม 24 คน เป็นจำเลย ในความผิดฐาน ร่วมกันก่อการร้าย ปลุกปั่นยั่วยุ ก่อความวุ่นวายในบ้านเมือง ฯ
กรณีเมื่อระหว่างวันที่ 28 ก.พ.- 20 พ.ค.53 จำเลยกับพวกอีกหลายคนที่หลบหนี รวมทั้ง พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือเสธ.แดง ที่เสียชีวิตแล้ว ร่วมกันกระทำผิดกฎหมายด้วยการยุยง ปลุกปั่นปชช.ทั่วราชอาณาจักรให้เข้าร่วมชุมนุม สะสมอาวุธสงครามรัายแรง บุกเข้าไปตามสถานที่ราชการต่างๆ ปิดถนน ก่อความวุ่นวาย และความไม่สงบในบ้านเมืองเพื่อต่อต้านรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
ศาลพิเคราะห์ แล้วเห็นว่าการชุมนุมของกลุ่มนปชเป็นการใช้สิทธิ์เรียกร้องทางการเมืองให้นายอภิสิทธิ์เวชชาชีวะนายกรัฐมนตรีประกาศยุบสภาและจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ เหตุการณ์ร้ายแรงที่เกิดขึ้นระหว่างการชุมนุมโดยเฉพาะเหตุการณ์เมื่อวันที่๑๐เมษายน๒๕๕๓ไม่มีพยานปากใดเบิกความยืนยันว่าเป็นการกระทำของกลุ่มนปช.
การกระทำของนายวริศ ชูกล่อม จำเลยที่ 7 ที่ขัดขวางลำเลียงกำลังพลของเจ้าหน้าที่ทหารบริเวณสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้าแล้วยึดเอาอาวุธยุทโธปกรณ์ ไปแสดงต่อหน้าสื่อมวลชน ที่เวทีปราศรัยและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องมารับเอาอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆเหล่านั้นกลับคืนไปหมดแล้วการกระทำดังกล่าวไม่ได้ประสงค์แก่ตัวทรัพย์เพื่อเอาเป็นของตนเองจึงไม่เป็นความผิดฐานร่วมกันปล้นทรัพย์
จากข้อกล่าวหาของโจทก์ เมื่อพิเคราะห์จากพยานหลักฐานและคำเบิกความของทั้งสองฝ่าย ที่นำสืบต่อสู้กันเห็นว่า การกระทำของจำเลยทั้ง 24 คนยังไม่เป็นความผิดพิพากษายกฟ้อง
ขณะที่ นายจตุพร กล่าวขอบคุณศาลที่เมตตา ขอบคุณประชาชน และขอบคุณญาติของวีรชนและผู้เสียสละทุกท่าน
สำหรับคดี อัยการทยอยยื่นฟ้องกลุ่มแกนนำ นปช. เป็นชุดๆ 4 สำนวน ตั้งแต่วันที่ 11 ส.ค.53 จนครบ 24 คน และมีการรวมพิจารณาคดีเดียวกัน ซึ่งใช้เวลาพิจารณาพยานหลักฐานและสืบพยานบุคคล มานานร่วม 9 ปี โดยระหว่างการสืบพยานศาลจะพิจารณานัดพร้อมเป็นระยะๆ เพื่อร่วมคู่ความกำหนดกรอบประเด็นสืบและระยะเวลาสืบพยานเนื่องจากทั้งโจทก์-จำเลย ต่างเสนอขอสืบพยานนับร้อยปาก โดยทำการสืบพยานต่อเนื่อง ซึ่งเริ่มสืบพยานโจทก์ตั้งแต่ช่วงเดือน ธ.ค.55 และเริ่มสืบพยานจำเลยปี 2562 กระทั่งได้นัดฟังคำพิพากษาวันนี้ (14 ส.ค.62)