ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก นัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีสิ่งแวดล้อม คดีรุกป่าเขาแพง หมายเลขดำ อ.3534/56 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ฟ้องนายพรชัย ฟ้าทวีพร อายุ 58 ปี ผจก.ห้างหุ้นส่วนเรืองปัญญาคอนสตรัคชั่น , นายสามารถ หรือ โกเข็ก เรืองศรี อายุ 66 ปี หุ้นส่วน หจก.เรืองปัญญาคอนสตรัคชั่น และนายหน้าขายที่ดิน, นายแทน เทือกสุบรรณ อายุ 42 ปี บุตรชายของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตแกนนำ กปปส. และนายบรรเจิด เหล่าปิยะสกุล อายุ 63 ปี อดีตเลขานุการส่วนตัวของนายสุเทพ เป็นจำเลยที่ 1- 4 ในความผิดฐานร่วมกันก่อสร้าง แผ้วถางป่า หรือเผาป่า หรือกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการทำลายป่า หรือเข้ายึดถือครอบครองป่าเพื่อตนเองและผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาตและข้อหาอื่น
จากกรณีเมื่อระหว่างวันที่ 27 ก.ย.43 – 5 ต.ค.2544 ต่อเนื่องกัน จำเลยที่ 1-2 ร่วมกันบุกรุกเข้าไปยึดถือ ครอบครอง ทำลาย แผ่วถางป่าเขาแพง อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี เนื้อที่31 ไร่ 2 งาน 97 ตร.วา ส่วนจำเลยที่ 3-4 ร่วมกันบุกรุกเข้าไปยึดถือ ครอบครอง ทำลาย แผ่วถางป่าเขาแพง อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี เนื้อที่ 14 ไร่ ด้วยการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำโดยไม่ได้รับอนุญาต
คดีนี้ศาลชั้นต้นสั่ง จำคุกจำเลยที่ 1-2 คนละ 5 ปี ส่วนจำเลยที่ 3-4 จำคุกคนละ 3 ปี โดยไม่รอลงอาญา ต่อมาศาลอุทธรณ์ พิพากษาแก้ ยกฟ้องพวกจำเลยทั้งหมดและได้รับการปล่อยตัว อัยการโจทก์ยื่นฎีกา ขอให้ลงโทษพวกจำเลยด้วย
นายสวัสดิ์ เจริญผล ทนายความ ระบุว่า วันนี้จำเลยทุกคนเดินทางมาศาลเพื่อฟังคำพิพากษาศาลฎีกา โดยศาลฎีกาแผนกคดีสิ่งแวดล้อม มีคำพิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ที่เคยตัดสินให้ยกฟ้องจำเลยทั้งหมด โดยให้ย้อนสำนวนคดีนี้ กลับคืนให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาพิพากษาใหม่ตามรูปคดี
ทนายความยังกล่าวถึงประเด็นการประกันตัว ว่า ศาลไม่ได้มีคำสั่งเรื่องของการประกันหรือไม่อย่างไร ดังนั้นยังคงมีผลอยู่เช่นเดิมที่จำเลยได้รับการปล่อยชั่วคราว
ผู้สื่อข่าวมีรายงาน กรณีที่ศาลฎีกาพิพากษาให้ย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์และนาคดีเขาแพงนั้น สืบเนื่องมาจากศาลฎีกาแผนกคดีสิ่งแวดล้อม เห็นว่าในชั้นอุทธรณ์ศาลอุทธรณ์พิจารณา เรื่องคำฟ้องไม่ชอบ เฉพาะของจำเลยที่ 1 ที่ 2 เท่านั้นโดยยังไม่ได้พิจารณาประเด็น โต้แย้งคัดค้านการต่อสู้คดีของจำเลยที่ 1-2 ว่าผิดหรือไม่ผิด ตามศาลช้นต้น แล้วข้ามไปพิจารณา ประเด็นเฉพาะของจำเลยที่ 3 (แทน เทือกสุบรรณ) – จำเลยที่ 4 แทน ทั้งทีมูลเหตุในคดีนี้นเกี่ยวพันกัน
โดย เรื่องคำฟ้องชอบหรือไม่ชอบนั้นศาลฎีกาได้วินิจฉัยแล้วเช่นกันว่าคำฟ้องของอัยการโจทก์ได้บรรยายพฤติการณ์-วันเวลาสถานที่ที่ให้จำเลยทั้ง 4 คนเข้าใจได้โดยจำเลยทั้งสี่ก็ให้การปฏิเสธมาตั้งแต่ชั้นสอบสวน-ชั้นพิจารณาแล้ว
เพื่อให้การพิจารณาพิพากษาตามลำดับศาลไม่ลักลั่น และไม่ส่งผลจำกัดสิทธิฎีกาของคู่ความใด จึงให้ย้อนสำนวนพิจารณาพิพากษาใหม่