นายอดุลย์ พรรณา อายุ 53 ปี เข้าร้องเรียนยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรณีถูกตำรวจศูนย์บังคับการจราจรภูธรจังหวัดนครสวรรค์ ดำเนินคดีข้อหารถยนต์มีปริมาณควันดำเกินมาตรฐานที่กฎหมายกำหนด และถูกปรับเงินไป 1 พันบาท แต่ในเวลาต่อมา ได้นำรถไปตรวจสภาพที่ ตรอ. กลับพบว่าค่าควันดำไม่ได้เกินมาตรฐานแต่อย่างใด
นายอดุลย์ เล่าว่า เหตุเกิดเมื่อวันที่ 17 กันยายนที่ผ่านมา ขณะขับรถกลับจากเยี่ยมญาติที่กำแพงเพชรมุ่งหน้ากลับบ้ายที่จังหวัดนครราชสีมา ระหว่างทางไปพบด่านตรวจควันดำตำรวจของศูนย์บังคับการจราจรภูธรจังหวัดนครสวรรค์ ที่จังหวัดนครสวรรค์ จากนั้นตำรวจได้ขอตรวจค่าควันดำ ผลการวัดค่า 2 ครั้ง ออกมาเป็นร้อยละ 80 และ 83 ซึ่งเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดคือร้อยละ 50 จึงได้เสียค่าปรับไป 1 พันบาท
แต่ด้วยความคาใจสงสัย เพราะรถกระบะของตนเองที่ใช้มา 11 ปี ที่ผ่านมาเคยนำรถไปตรวจสภาพเพื่อเสียภาษีต่อทะเบียนรถยนต์ ค่าควันดำก็ผ่านไม่เกินค่ามาตรฐานแต่อย่างใด และสามารถต่อทะเบียนได้ตามปกติ จนกระทั่งวันที่ 24 กันยายนที่ผ่านมา จึงนำรถไปตรวจสภาพที่ ตรอ.เอกชนแห่งในจังหวัดชัยภูมิ พบว่าค่าควันดำออกมาเพียงร้อยละ 30 ไม่เกินค่ามาตรฐาน ซึ่งขัดแย้งกับผลการตรวจของศูนย์บังคับการจราจรภูธรจังหวัดนครสวรรค์ จึงได้โพสต์เรื่องราวที่เกิดขึ้นลงในเฟสบุ๊กส่วนตัว จนมีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก จึงมาร้องเรียนถึงผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติให้ตรวจสอบกรณีที่เกิดขึ้น เพราะทำให้เกิดความเดือดร้อนและสับสนแก่ประชาชน ที่การตรวจค่าควันดำของตำรวจอาจไม่ได้มาตรฐาน
อย่างไรก็ตาม พันตำรวจเอกปราโทย์ เจริญวัฒนสุข นายตำรวจเวรอำนวยการ ได้มารับเรื่อง และขอข้อมูลจากนายอดุลย์เพื่อไปตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น หากพบความบกพร่องที่ตำรวจก็จะดำเนินการทางวินัยและอาญาต่อไป โดยยืนยันจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย