อาชญากรรม

ผู้ปกครอง ร้อง สคบ. ส่งลูกเข้าโครงการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม แต่ติดโควิดไม่ได้เดินทาง กลับถูกหักเงิน บริษ

วันที่ 11 ก.ย. ที่ บก.ปคบ. กลุ่มผู้ปกครองนักเรียนโครงการนักเรียน แลกเปลี่ยนวัฒนธรรม สหรัฐอเมริกา – แคนาดา จำนวนกว่า 10 คน เดินทางเข้าพบ ร.ต.อ วีระพล อุปชิต รอง สว. (สอบสวน) กก.1 บก.ปคบ. เพื่อแจ้งความเอาผิดผู้บริหารบริษัทแห่งหนึ่ง ที่ทำการอยู่ในตึก Thai CC ย่านสาทร ที่เป็นผู้ดำเนินโครงการนักเรียนแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมในต่างประเทศ โดยเมื่อปี 2562 ได้ทำสัญญาให้บุตรเข้าร่วมโครงการเพื่อเดินทางไปศึกษาแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม ณ ประเทศสหรัฐอเมริกา – แคนาดา เป็นระยะเวลา 10 เดือน แต่จากสถานการณ์โควิด -19 ทำให้ผู้ปกครอง ไม่สามารถให้เดินทางได้เพราะห่วงความปลอดภัย และแจ้งยุติการเข้าร่วมโครงการ แต่กลับไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการถูกหักเงินจำนวนมาก ถึง 30-50 % ของทุนสมทบที่ได้จ่ายไป (รายละ 100,000-200,000 บาท) แถมบริษัทยังบีบให้รับเงื่อนไขผ่อนชำระเงินคืนเป็นรายงวดยาวถึงกลางปีหน้า

ตัวแทนผู้ปกครองรายหนึ่ง ให้ข้อมูลว่าบริษัทนี้ ได้ดำเนินโครงการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมนี้ มายาวนานต่อเนื่องทุกปี ปัจจุบันเป็นรุ่นที่ 18 มีนักเรียนเข้าร่วมจากหลายโรงเรียนจำนวนประมาณ 75 คน โดยผู้ปกครองได้จ่ายค่าทุนสมทบไปมากกว่า 30 ล้านบาท ตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา แต่เมื่อข่าวโรค Covid-19 เริ่มระบาดหนักและมีทิศทางไม่ยุติง่าย บรรดาผู้ปกครองต่างกังวลใจในความปลอดภัยของลูกๆ นอกจากนี้ทราบมาว่าโรงเรียนในต่างประเทศส่วนมากก็ปรับรูปแบบเป็นเรียนออนไลน์กัน ตรงส่วนนี้ก็มีผลกระทบต่อโอกาสที่นักเรียนจะได้รับประสบการณ์ในการไปแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมและฝึกภาษาและถือได้ว่าไม่ตรงตามวัตถุประสงค์ของการเข้าร่วมโครงการนี้

ผู้ปกครองจำนวนหนึ่งจำเป็นต้องตัดสินใจยุติ ไม่กล้าเสี่ยงให้ลูกไปเพราะโรคCovid ยังมีความน่า แต่ทางบริษัทฯกลับแจ้งว่า ฝ่ายผู้ปกครองจะต้องถูกหักเงินค่าใช้จ่ายเฉลี่ยตกรายละ 100,000 -200,000 บาท จากค่าสมทบทุนที่ได้จ่ายไปที่ 430,000 -700,000 บาท อีกทั้งบริษัทฯยังไม่สามารถที่จะชำระเงินที่เหลือคืนได้ทันที โดยขอจ่ายคืนเป็นหลายงวด เริ่มจ่าย ธันวาคม 63 ถึงกลางปี 64 โดยให้เหตุผลว่าบริษัทฯ มีปัญหากระแสเงินสดหมุนเวียนและอ้างว่าได้นำส่งเงินไปต่างประเทศหมดแล้ว จึงรวมตัวกันเดินทางมาที่ กก.1 บก.ปคบ. ในวันนี้ เพื่อต้องการแจ้งความ ให้ดำเนินคดีกับบริษัทฯ ดังกล่าว

ร.ต.อ.วีระพล ร้อยเวรสอบสวน พิจารณาแล้วยังไม่เข้าฐานความผิดข้อหาฉ้อโกง แต่เป็น เรื่องของความไม่เป็นธรรมในสัญญา และขัดต่อสิทธิที่จะได้รับความปลอดภัยจากการใช้สินค้าหรือ บริการ แนะนำให้ผู้เสียหายทั้งหมดไปร้องเรียนสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ผู้ปกครองทั้งหมดจึงได้รวมตัวเข้าร้องขอความเป็นธรรมจากเจ้าหน้าที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) สำนักนายกรัฐมนตรี เบื้องต้นทาง สคบ.จะเรียก ผู้บริหารที่รับผิดชอบของบริษัทฯ ดังกล่าวมาเจรจาตามขั้นตอนต่อไป

Related Posts

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *