พลตำรวจโทสุรเชษฐ์ หักพาล ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เปิดเผยหลังจากเข้าพบ ฯพณฯ อับดุลอิลาฮ อัลชุอัยบี (H.E. Mr.Abdulelah Alsheaibie) อุปทูตซาอุดิอาระเบีย ประจำประเทศไทย เพื่อหารือถึงกรณีที่นางสาวราฮาฟ โมฮัมเหม็ด อัล-กูนุน อายุ 18 ปี สัญชาติซาอุดิอาระเบีย ที่หลบหนีการแต่งงานเข้ามาในประเทศไทย และขณะนี้อยู่ในความดูแลของสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ หรือ UNHCR
โดยทางรัฐบาลและสถานเอกอัครราชทูตมั่นใจการทำงานของตำรวจไทย รวมทั้งยืนยันว่าการขอลี้ภัยของนางสาวราฮาฟ เป็นเรื่องภายในครอบครัว ไม่ใช่การลี้ภัยทางการเมือง และได้ติดต่อให้บิดา และพี่ชาย เข้ามาพบกับนางสาวราฮาฟแล้ว แต่ขณะนี้ยังอยู่ในความดูแลของ UNHCR และต้องถามความประสงค์ของนางสาวราฮาฟก่อนว่าพร้อมให้ครอบครัวเข้าพบหรือไม่ แต่เมื่อวานนี้นางสาวราฮาฟ มีท่าทียังไม่พร้อมพูดคุยกับครอบครัว
โดยนางสาวราฮาฟยอมพูดคุย ก็จะให้ทั้งสองฝ่ายเจรจาเป็นไปด้วยดีก็จะให้เป็นไปตามข้อตกลงของทั้งสองฝ่าย แต่หากไม่ยอมเจรจาและนางสาวราฮาฟยังยืนยันขอลี้ภัย หรือขอไปประเทศที่สาม ก็จะให้ UNHCR เป็นผู้ดำเนินการ ซึ่งขณะนี้ นางสาวราฮาฟ อยู่ในความดูแลของ UNHCR เท่านั้นไม่ได้เป็นผู้ต้องหา หรือผู้ลี้ภัย เพราะยังอยู่ในขั้นตอนการดำเนินการ
สำหรับการเดินทางเข้ามาในประเทศไทยของนางสาวราฮาฟ อ้างว่าต้องการเข้ามาเพื่อนชาวอเมริกัน เดินทางจากประเทศคูเวตเพื่อมาในไทยโดยตรง ไม่ได้ขอเปลี่ยนเครื่องไปยังประเทศอื่น และมาทำวีซ่านักท่องเที่ยวที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองสุวรรณภูมิ แต่ไม่มีหลักฐานการเข้าพัก และตั๋วเครื่องบินขากลับ จึงถูกกักตัวไว้ก่อน รวมทั้งครอบครัวประสารผ่านทางการซาอุดิอาระเบีย ให้ดูแลความปลอดภัยให้ก่อน เนื่องจากนางสาวราฮาฟ หลบหนีจากครอบครัวมา
อย่างไรก็ตาม เรื่องที่เกิดขึ้นไม่กระทบต่อความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศ เพราะเป็นเรื่องภายในครอบครัว ซึ่งทางรัฐบาลซาอุดิอาระเบีย ก็ขอให้ตำรวจไทยดูแลความปลอดภัยของพลเมือง ส่วนในประเทศซาอุดิอาระเบีย มีหน่วยงานที่ดูแลเรื่องประเพณีและวัฒนธรรมอยู่แล้ว ซึ่งทางการไทยไม่สามารถเข้าไปข้องเกี่ยวได้