ตำรวจปราบปรามยาเสพติด จับยาบ้า 1 ล้านเม็ด เฮโรอีน 400 กิโลกรัม พร้อมขยายผลยึดทรัพย์ ขบวนการค้ายาเสพติด บ้านและรถยนต์รวมมูลค่ากว่า 10 ล้านบาท
พลตำรวจเอกมนู เมฆหมอก รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วยตำรวจปราบปรามยาเสพติด , ป.ป.ส. , ป.ป.ง. และทหาร ร่วมกันแถลงผลการจับกุมและขยายผลคดียาเสพติดรวม 4 คดี ยึดของกลางยาบ้ากว่า 1 ล้านเม็ด , เฮโรอีน 400 กิโลกรัม , ทรัพย์สินของขบวนการค้ายาเสพติด เป็นบ้านและรถยนต์ รวมมูลค่ากว่า 10 ล้านบาท
โดยคดีแรกตำรวจปราบปรามยาเสพติด 4 สืบสวนจับกุมนายบุญฤทธ์ ส่งแสง กับพวกรวม 4 คน พร้อมยาบ้าประมาณ 1 ล้านเม็ด ซึ่งซุกซ่อนมาในกระสอบปุ๋ยใส่ไว้ท้ายรถบรรทุก ได้ที่ลานจอดรถภายในปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง ตำบลเขาใหญ่ อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี และอีกที่หนึ่งเป็นปั๊มน้ำมันในจังหวัดนครศรีธรรมราช สืบเนื่องจากตำรวจสืบทราบข้อมูลว่า มีขบวนการค้ายาเสพติดในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช จะไปลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากภาคกลางเพื่อส่งให้กับลูกค้าในพื้นที่ จึงสะกดรอยรถบรรทุกสิบล้อคันหนึ่ง ไปจนถึงปั๊มน้ำมันในจังหวัดเพชรบุรี ก่อนจะแสดงตัวเข้าตรวจค้นยึดของกลางยาบ้าดังกล่าวได้ จากนั้นได้ขยายผลต่อไปยังผู้ร่วมขบวนการอีก 2 คน ในจังหวัดนครศรีธรรมราช จึงคุมตัวทั้งทั้งหมด
ทั้งนี้จากการสอบสวน นายบุญฤทธ์ให้การรับสารภาพว่า ได้รับการว่าจ้างจากนายจ้าง ให้มารับยาเสพติด ซึ่งเคยทำแบบนี้มาแล้วหลายครั้ง ส่วนยาเสพติดที่ได้ไป จะนำไปกระจายในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นหลัก
อีกคดีตำรวจปราบปรามยาเสพติด 3 จับกุม นางสาวสหรัฐ นครวงษ์ กับพวกรวม 6 คน พร้อมของกลางเฮโรอีนน้ำหนัก 400 กิโลกรัม โดยมีการขยายผลจับกุมหลายพื้นที่ทั้งในจังหวัดนครสวรรค์ , ปทุมธานี และจังหวัดตาก โดยคดีนี้ตำรวจสืบทราบว่า จะมีเครือข่ายกลุ่มชาติพันธ์ ลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากจังหวัดเพชรบูรณ์เข้ามาในพื้นที่ภาคกลาง จึงเฝ้าสังเกตการณ์จนพบรถต้องสงสัย ขับไปทางอำเภอหล่มเก่า ขึ้นไปทางภูทับเบิก ก่อนจะวกกลับออกมาโดยมีวัตถุต้องสงสัยอยู่ท้ายรถ เชื่อว่าเป็นยาเสพติด ตำรวจจึงไปสกัดจับขอตรวจค้นรถ ที่จุดตรวจคอกควาย อำเภอท่าตะโก จังหวัดนครสวรรค์ พบของกลางดังกล่าวใส่กระสอบปุ๋ยวางไว้ท้ายรถ จากนั้นจึงขยายผลไปจับกุมผู้ต้องหาที่เหลือ นำส่งพนักงานสอบสวนท้องที่ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
นอกจากนี้ตำรวจปราบปรามยาเสพติด ยังมีการจับกุมเครือข่ายค้ายาเสพติดสัญชาติเมียนมา พร้อมยาบ้า 42,000 เม็ด ได้ที่อพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่ง ในเขตราษฎร์บูรณะ กรุงเทพมหานคร และอีกคดี เป็นการจับกุมผู้ต้องหาเครือข่ายค้ายาเสพติดอีก 2 ราย ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับคดียาเสพติดรายสำคัญ ที่หลบหนีการจับกุมไปอาศัยอยู่ในจังหวัดเพชรบูรณ์ พร้อมตรวจยึดทรัพย์สินตาม พ.ร.บ.มาตรการฯ เป็นบ้านพร้อมที่ดิน 1 หลัง และรถยนต์อีก 2 คัน รวมมูลค่าทรัพย์สินกว่า 10 ล้านบาท
ทั้งนี้พลตำรวจเอกมนู ยืนยัน การตั้งด่านสกัดกั้นยาเสพติดในแต่ละพื้นที่ยังไม่ยกเลิกที่ยกเลิกตามคำสั่งของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นด่านทั่วไป ซึ่งคำสั่งยกเลิกดังกล่าวก็ยังไม่มีผลกระทบกับการป้องกันปราบปรามยาเสพติด เนื่องจากการดำเนินการตำรวจใช้ข้อมูลการข่าวร่วมกับการปราบปรามเป็นสำคัญ และจะเน้นการขยายผลจับกุมเครือข่ายค้ายาเสพติด ไปยังกลุ่มนายทุนที่อยู่เบื้องหลัง โดยจะมีการยึดทรัพย์ตาม พ.ร.บ.มาตรการฯ ให้ได้ทุกราย ซึ่งเชื่อว่าเป็นวิธีการที่ได้ผล ช่วยลดความเคลื่อนไหวของขบวนการค้ายาเสพติดให้น้อยลงได้