พล.ต.ต.กมล เหรียญราชา ผู้บังคับการปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ หรือ ปปป. เปิดเผยว่า สิ้นเดือนมีนาคมนี้จะสรุปสำนวนคดีที่ พล.ต.ต.สุทธิ พวงพิกุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี ปฎิบัติหน้าที่ศูนย์ปฎิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือ ศปก.ตร.ในความผิดมาตรา 157 ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฎิบัติหรือละเว้นการปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบ กรณีเข้าไปแทรกแซงสำนวนคดีหวบล๊อตเตอรี่ 30 ล้านบาท ให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ปปช.ชี้มูลความผิดภายในสิ้นเดือนนี้ ส่วนสำนวนของ นายปรีชา ใคร่ครวญ /เจ๊บ้าบิ่นและเจ๊พัช ที่ตกเป็นผู้ต้องหาให้การสนับสนุน พล.ต.ต.สุทธิ กระทำผิดในข้อหาดังกล่าวนั้น ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ จึงยังไม่ส่งสำนวนในส่วนของผู้ต้องหาทั้งสาม แต่จะรอจนกว่าสำนวนจะเสร็จสมบูรณ์ก่อนจึงจะส่งให้ ปปช.พิจารณา
ด้าน พล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด ผู้บังคับการปราบปราม เปิดเผย ว่าจนถึงขณะนี้ (11.30 น.) นายฐนุกร เหลืองใหม่เอี่ยม หรือ นายแผน ยังไม่เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อรับทราบข้อหาตามหมายเรียกที่ให้มาพบในเวลา 10.00น. รวมทั้งยังไม่มีการโทรศัพท์ติดต่อประสานขอเลื่อนเข้าพบแต่อย่างใด
แต่อย่างไรก็ตามในวันพรุ่งนี้ (29 มี.ค.) จะมีการประชุมพนักงานสอบสวนคดีหวยล๊อตเตอรี่ โดยมีพล.ต.ต.ชาญ วิมลศรี รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เป็นประธานเพื่อตรวจสอบสำนวนการสอบสวนทั้งหมดก่อนสรุปสำนวนฟ้องให้อัยการ โดยจะมีการหารือกรณีของ นายแผน ที่ไม่มาพบพนักงานสอบสวนวันนี้ด้วยว่าจะดำเนินการอย่างไร
ด้าน พล.ต.ท.ฐิติราช หนองฐาน ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง กล่าวว่าคดีนี้มอบอำนาจให้ พล.ต.ต.ชาญ วิมลศรี ตัดสินใจดำเนินการกับ นายแผน กรณีไม่มารับทราบข้อหาได้เลยว่าจะออกหมายเรียกหรือหมายจับ
พล.ต.ต.กมล กล่าวภายหลังเข้าพบ พล.ต.ท. ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ว่าในการหารือเพื่อขอให้ผู้บังคับบัญชามีคำสั่งตั้งคณะงานร่วมระหว่าง ปปป.กับ สำนักงานพระพถทธศาสนาแห่งชาติ หรือ พศ. เนื่องจากเป็นคดีสำคัญมีมูลค่าความเสียหายจำนวนมาก รวมทั้งมีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้อง
ส่วนการดำเนินคดีกับผู้ที่ร่วมกระทำความผิดเงินทอนวัดล๊อต 3 ได้รายงานให้ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง รับทราบแล้วว่ามีบุคคลใดบ้าง ซึ่งสัปดาห์หน้าจะเชิญ พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผู้อำนวยการสำนักพระพทุธศาสนาแห่งชาติ (ผอ.พศ.) ให้เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษกับพนักงานสอบสวนที่ ปปป. เพื่อดำเนินคดี กับกลุ่มผู้ต้องหา ซึ่งมีทั้งพระสงฆ์ /ฆราวาส ทั้งข้าราชการสำนักพุทธฯที่ยังไม่เคยถูกดำเนินคดี บางส่วนถูกดำเนินคดีแล้วแต่ยังไม่ยึดทรัพย์ โดยเป็นบุคคลที่อยู่ในกลุ่มผู้ต้องหาล๊อตที่1และ2 และบุคคลที่เป็นเครือข่าย และพลเรือน ซึ่งเคยถูกดำเนินคดีแล้ว และถูกดำเนินคดีใหม่ ซึ่งมีจำนวนมากกว่า 10 คน กระทำความผิดใน10 วัด มีทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัด วงเงินกว่า 100 ล้านบาท
ผู้บังคับการ ปปป. กล่าวเพิ่มว่า ในส่วนของผู้ต้องหาล๊อตแรกและล๊อตที่สองได้สรุปสำนวนให้ ปปช.ชี้มูลแล้ว แต่ยังอยู่ระหว่างการดำเนินการนึดอายัดทรัพย์สิน