นายถิระวัฒน์ วัฒนวณิชยกุล เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสองสวนกองปราบปราม ในข้อหาแจ้งความเท็จ หลังจากถูกนายสุรสิทธิ์ พลชา กล่าวหาดำเนินคดีว่ายักยอกลอตเตอรี่ที่ถูกรางวัลที่ 1 งวดวันที่ 2 พฤษาคม 2561 จำนวน 5 ใบ มูลค่า 30 ล้านบาท ที่เป็นของตัวเองไปขึ้นเงิน
นายถิระวัฒน์ เปิดเผยว่า ก่อนหน้าที่จะถูกแจ้งความ นายสุรสิทธิ์ เป็นลูกจ้างในบริษัท แต่ทำงานไม่ค่อยดีจึงเลิกจ้าง และได้ให้สวัสดิการไปครบถ้วนตามกฎหมาย จากนั้นประมาณปลายปี 2561 ได้รับหมายเรียกจากสถานีตำรวจภูธรบางบัวทองให้ไปรับทราบข้อกล่าวหาว่ายักยอกทรัพย์ที่เป็นลอตเตอรี่มูลค่า 30 ล้านบาท
ก่อนหน้านี้นายสุรสิทธิ์ ไปแจ้งความกล่าวหาที่ สภ.บางศรีเมือง โดยอ้างว่าไปซื้อลอตเตอรี่ที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง และมีเจ้าของหอพักเอาลอตเตอรี่ไป แต่เมื่อพนักงานสอบสวนไปตรวจสอบที่ปั้มน้ำมันที่กล่าวอ้าง กลับไม่พบร้านที่ขายลอตเตอรี่ให้ดังกล่าว
จากนั้นได้ไปแจ้งความที่ สภ.บางบัวทอง ต่อโดยอ้างว่าซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลร่วมกับนายถิระวัฒน์ ที่ตลาดนัดรถไฟรัชดา และได้นำไปฝากไว้ที่บ้านในจังหวัดนนทบุรี และเมื่อตรวจพบว่าถูกสลากฉบับดังกล่าว นายถิระวัฒน์ไม่แบ่งเงินให้ จึงมาแจ้งความ
แต่เมื่อนายอัจริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ได้ตรวจสอบกับสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล พบว่าผู้ที่ถูกสลากชุดดังกล่าวจำนวน 5 ใบมีเพียงรายเดียวคือผู้หญิงที่พักอยู่ย่านดอนเมือง และไม่พบปรากฏหลักฐานการขึ้นเงินรางวัลของนายถิระวัฒน์ จึงเชื่อได้ว่านายสุรสิทธิ์ สร้างเรื่องขึ้นมากล่าวหานายถิระวัฒน์ ทำให้ขณะนี้การดำเนินคดีอยู่ในชั้นศาลจังหวัดนนทบุรี และจะเริ่มไต่สวนในวันที่ 9 กันยายนนี้
ผู้เสียหาย ยังบอกว่า สาเหตุที่นายสุรสิทธิ์สร้างเรื่องขึ้นมา น่าจะมาจากความไม่พอใจที่ถูกให้ออกจากงาน และต้องการจะทำให้เสียชื่อเสียง เพราะตัวเองประกอบธุรกิจ และที่ผ่านมาก็ไปติดต่องานที่ต่างประเทศบ่อย แต่เมื่อกลับมาที่บ้านเจอหมายศาลทำให้ตกใจ จึงต้องมาดำเนินคดี และยืนยันว่าไม่ค่อยจะซื้อลอตเตอรี่