นายธีรยุทธ สุวรรณเกสร ทีมทนายความอดีตหลวงปู่พุทธอิสระ เปิดเผยภายหลังการเข้าเยี่ยมว่า อดีตพระพุทธอิสระ จะยังไม่ขอยื่นประกันตัวตอนนี้ แต่จะขอยื่นประกันตัวในชั้นอัยการ โดยเบื้องต้นจะเตรียมหลักทรัพย์ไว้เท่าเดิม คือ 1 แสน 5 หมื่นบาท ซึ่งเป็นหลักทรัพย์ตามที่เหมาะสมกับอัตราโทษ
และจากดารพูดคุย อดีตพระพุทธอิสระ ได้ให้การปฏิเสธ ในคดีที่ทำร้ายร่างกายตำรวจสันติบาล 2 นายที่บาดเจ็บสาหัส และต่อสู้คดีในชั้นศาล
ส่วนคดีแอบอ้าง ปลอมแปลงใช้พระปรมาภิไธย เบื้องต้น ให้การรับสารภาพว่าได้มีการนำไปใช้จริง แต่ไม่มีเจตนาหลบหลู่ดูหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ และหลังจากนี้จะหารือในรายละเอียด ว่าจะชี้แจงข้อเท็จจริงต่อศาลอย่างไร รวมถึงในช่วงบ่ายวันนี้ ตนจะเข้าเยี่ยมอดีตพระพุทธอิสระในฐานะทนายความ เพื่อหารือในรายละเอียดการต่อสู้คดีต่อไป
ด้านนายไพบูลย์ นิติตะวัน อดีตประธานคณะกรรมการปฏิรูปแนวทางและมาตรการปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนา สปช. เปิดเผยว่า จากการเข้าไปสังเกตเข้าไปดูอาการของอดีตพระพุทธอิสระ พบว่ายังมีสุขภาพร่างกายแข็งแรง ส่วนเรื่องโรคประจำตัว เบื้องต้นประสานให้ลูกศิษย์ได้แจ้งอาการป่วยและนำยามาฝากไว้ที่เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ เพื่อให้จัดยาให้อดีตพระพุทธอิสระ พร้อมฝากบอกลูกศิษย์และผู้เลื่อมใสศรัทธา ว่าไม่ต้องเป็นกังวล เนื่องจากตัดสินใจไม่ขอประกันตัวในช่วงนี้ และเหตุการณ์ที่ตำรวจกองปราบปรามเข้าไปจับกุมภายในกุฏิ พิจารณาแล้วว่าเป็นเรื่องที่ชอบด้วยกฎหมาย และไม่มีเจตนาเอาผิดกับตำรวจชุดจับกุม อีกทั้งยังรู้สึกพอใจที่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดทำให้พระพุทธศาสนาเกิดการเปลี่ยนแปลงในทิศทางที่ดี
ส่วนกรณีที่สังคมตั้งข้อสงสัยว่าอดีตหลวงปู่พุทธอิสระ ขาดจากการเป็นพระหรือไม่ ยืนยันว่าในการประกอบพิธีลาสิกขาบทวานนี้ อดีตพระพุทธอิสระไม่ได้เปล่งวาจาลาสิกขาบท ดังนั้นในทางพระธรรมวินัย จึงไม่ถือว่าขาดจากการเป็นพระ แต่ในทางกฎหมายก็ต้องยอมรับในข้อนี้