พลตำรวจตรีจิรพัฒน์ ภูมิจิตร รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พร้อมด้วย พลตำรวจตรี ธีรศักดิ์ สุริวงศ์ ผู้บังคับการตำรวจจราจร ร่วมกันแถลงผลการปฏิบัติในการแก้ไขปัญหาจราจรลดอุบัติเหตุบนท้องถนน และเพิ่มประสิทธิภาพของศูนย์ควบคุมและสั่งการจราจร หรือ บก.02 หลัง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กำชับสั่งการให้แก้ไขปัญหาการจราจรในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งจากสถิติพบว่ารถยนต์เกิดอุบัติเหตุร้อยละ 40 / รถจักรยานยนต์ร้อยละ 36 ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บทุพพลภาพมากที่สุด โดยตลอดเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา สามารถจับกุมผู้ไม่สวมหมวกนิรภัยได้ 172,056 คน หากเปรียบเทียบสถิติช่วงเดือนเดียวกัน ช่วง 2 ปีที่ผ่านมา พบจำนวนผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตมีจำนวนลดลง
ขณะที่การเพิ่มประสิทธิภาพ ศูนย์ควบคุมและสั่งการจราจร บูรณาการร่วมกับหลายหน่วยงาน อาทิ กรุงเทพมหานคร / องค์การขนส่งมวลชน / และการรถไฟแห่งประเทศไทย
ซึ่ง พลตำรวจตรีจิรพัฒน์ ระบุว่า หลังจากนี้จะเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาให้ตรงจุดมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะปัญหารถเมล์จอดแช่ป้าย / รถติดหน้าด่านเก็บเงินทางด่วนพิเศษ / รวมถึงประชาชนที่กระทำความผิดซ้ำในการไม่สวมหมวกนิรภัย ที่พบว่าก็ยังมีอยู่ในหลายพื้นที่ ทั้งกรุงเทพฯ
โดยการลงโทษนั้นนอกจากกฎหมายที่ลงโทษผู้ที่ขับขี่แล้วนั้น จะเน้นการการดำเนินการลงโทษกับผู้ที่ซ้อนท้ายที่ไม่สวมหมวกนิรภัย พร้อมกับจะเพิ่มค่าปรับสำหรับผู้ขับขี่ที่ไม่สวมหมวกนิรภัย จาก 1,000 บาท เป็น 1,500 บาท
อย่างไรก็ตาม สำหรับการแก้ไขปัญหาการจราจรในจุดที่เป็นปัญหา อาทิ ถนนแจ้งวัฒนะขาเข้าในช่วงเวลาเร่งด่วน ได้วางกรวยแบ่งช่องจราจรออกเป็น 2 ช่องทาง ช่วงเวลา 7 นาฬิกา ถึง 8 นาฬิกา 45 นาที และมีการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนใช้สะพานข้ามแยกคลองประปาเป็นเส้นทางเข้าศูนย์ราชการ แจ้งวัฒนะ พร้อมเปิดจุดกลับรถหน้าไปรษณีย์ไทย 2 ช่องทาง
ด้าน ถนนราชสีมา ถนนสามเสน ถนนราชวิถี และสะพานกรุงธนบุรีต่อเนื่องถนนสิรินธร ได้ประสาน กรุงเทพมหานคร เปิดช่องทางพิเศษ โดยรื้อเกาะกลางถนนราชวิถี เชิงสะพานกรุงธนบุรีฝั่งบางพลัด รวมระยะทางประมาณ 50 เมตร และเปิดเกาะกลางถนนหน้าศูนย์บริการรถยนต์อีซูซุ ระยะทาง 15 เมตร เร่งระบายรถที่มาจากสะพานกรุงธนบุรี เวลาเร่งด่วนช่วงเย็น