นางสาวเซปิง ไชยศาสน์ ประธานโครงการเฟซออฟ แถลงข่าวกรณีผู้เสียหาย 6-7 คนที่ได้มีการแจ้งความดำเนินคดีกับตนในข้อหาร่วมกันฉ้อโกง โดยอ้างว่าการศัลยกรรมมีแผลเป็นและมีผลกระทบในการทำศัลยกรรม ตนยืนยันว่า แผลเป็นที่ผู้กล่าวหาออกมาพูดนั้นเป็นแผลเป็นที่เกิดขึ้นก่อนเข้ามาในโครงการ ส่วนคนที่เป็นคีรอยด์นั้นเกิดขึ้นหลังผ่าตัด สาเหตุอาจจะเป็นเพราะผู้ผ่าตัดศัลยกรรมดูแลตนเองไม่ดี
โดยหลังจากนี้ตนจะเดินหน้าฟ้องกลับผู้กล่าวหาทั้งหมดเนื่องจากทำให้โครงการเสียหาย และเสื่อมเสียชื่อเสียง เนื่องจากตนไม่ได้มีส่วนแบ่งและได้รับเงินจากการศัลยกรรมแต่อย่างใด ที่แนะนำนั้นเนื่องจากตนเป็นผู้เชี่ยวชาญที่ทำศัลยกรรมมาก่อนจนประสบความสำเร็จและทำมาแล้วทั้งตัว จึงให้คำแนะนำได้
ส่วนการฟ้องกลับเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดตรวจค้นนั้น อยู่ระหว่างพิจารณาหลักฐานเนื่องจากในวันที่ตรวจค้นตำรวจได้พยายามพูดเกลี่ยกล่อมให้ผู้ที่จะมาผ่าตัดจำนวน 3 คน ในวันนั้นพูดว่าถูกหลอกหลวง ซึ่งตนมีหลักฐานคือผู้มาศัลยกรรมทั้ง 3 คน และภาพจากกล้องวงจรปิด
นอกจากนี้นางสาวเซปิง ยังกล่าวอีกว่า ในส่วนการดำเนินการเฟซออฟนั้น คนเป็นเพียงแนะนำผู้ต้องการศัลยกรรมในฐานะที่เป็นผู้ประสบความสำเร็จในการทำศัลยกรรมเท่านั้น เมื่อแนะนำแล้วตนจะช่วยคิดราคาให้ผู้ที่จะทำศัลยกรรมได้ว่าเท่าไหร่ หลังจากนั้นจะนัดโรงพยาบาลและแพทย์ศัลยกรรมให้ โดยผู้ศัลยกรรมจะพูดคุยกับแพทย์ก่อนหากไมาพอใจก็สามารถคืนเงินและยกเลิกการศัลยกรรมได้ ทั้งนี้ยืนยันว่าเมื่อมีการยกเลิกตนจะคืนเงินให้ทั้งหมดทุกคนและไม่ได้มีการโกงเงินมัดจำแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตามนางสาวเซปิง ยังกล่าวถึงกรณี ย้ายด่วน พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ว่า ตนไม่ทราบเรื่องนี้และตนไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องเพราะตนเองเป็นเพียงบุคคลตัวเล็กๆที่ไม่ได้มีอำนาจอะไรที่จะสามารถสั่งย้ายใครได้ แต่ยอมรับว่าการแถลงข่าวของ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ในวันนั้นสร้างความเสียหายให้กับตนเป็นอย่างมาก เพราะหากว่าตนตนตั้งใจจะโกงคงทำตั้งแต่แรกไปแล้วเพราะมีผู้มาปรึกษาผ่าตัดตั้งแต่เปิดโครงการปี 2559 กว่า 1000 คน ทำไมถึงมาโกงเพียงแค่ 6-7 คน เท่านั้น