เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ได้เบิกตัว นายฮาคีม อาลี โมฮัมเหม็ด อาลี อัล โอไรบี อดีตนักฟุตบอลทีมชาติบาห์เรน ผู้ลี้ภัย วัย 25 ปี จากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร มายังศาลอาญา รัชดา หลังศาลนัดสอบคำให้การจำเลย ในคดีส่งผู้ร้ายข้ามแดน หมายเลขดำ ผด.6/2562 ที่ พนักงานอัยการสำนักงานต่างประเทศ ได้เป็นโจทก์ยื่นคำร้องขอส่งผู้ร้ายข้ามแดน “นายฮาคีม อาลี โมฮัมเหม็ด อาลี อัล โอไรบี” (Hakeem Ali Mohamed Ali Al Oraibi) หรือ “นายฮาคีม อาลี โมฮัมเหม็ด อาลี อไลราบี” (Hakeem Ali Mohamed Ali Alaraibi) อายุ 25 ปี อดีตนักฟุตบอลทีมชาติบาห์เรน เป็นจำเลยในสถานะผู้ลี้ภัยประเทศออสเตรเลีย ตั้งแต่ปี 2560 กลับไปดำเนินคดีที่ประเทศบาห์เรน ตามที่รัฐบาลบาห์เรนร้องขอ โดยมีตัวแทนจากสถานทูตออสเตรเลียประจำประเทศไทย องค์กรด้านสิทธิมนุษยชน รวมถึงสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) เฝ้าสังเกตการณ์อย่างใกล้ชิด
ด้าน เครก ฟอสเตอร์ อดีตกัปตันฟุตบอลทีมชาติออสเตรเลีย แกนนำรณรงค์การปล่อยตัว “ฮาคีม” ในแคมเปญ #SaveHakeem เดินทางมายังศาลอาญารัชดาเพื่อสังเกตการณ์การพิจารณาคำร้องในครั้งนี้ด้วย ทั้งนี้ระหว่างเจ้าหน้าที่นำตัวฮาคีมไปยังห้องพิจารณาคดี เขาได้ตะโกนบอกสื่อมวลชนว่า “ได้โปรดบอกเขา อย่าส่งตัวผมกลับบาห์เรน” ส่วนฟอสเตอร์ได้ตะโกนบอกฮาคีมด้วยว่า ภรรยาของเขาบอกให้เขา ‘เข้มแข็งไว้’
ทั้งนี้ ทางฟอสเตอร์และเจ้าหน้าที่ของทางการออสเตรเลียให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนที่ศาลอาญารัชดา ว่า การนำตัว “ฮาคีม” มาขึ้นศาลพร้อมกับโซ่ตรวน เป็นการส่งสัญญาณที่น่ากลัวไปทั่วโลก และจะกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศไทย รวมถึงบทบาทของไทยในการจัดแข่งขันฟุตบอลนัดระหว่างประเทศ เพราะไม่มีหลักประกันได้ว่านักฟุตบอลต่างชาติที่มายังไทยจะได้รับการคุ้มครอง
ขณะที่ นางณัฐาศิริ เบิร์กแมน ทนายความ นายฮาคีม เผยว่า จะขอยื่นคัดค้านคำร้องของอัยการยับยั้งการส่งตัวนายฮาคีม เพราะมีหลักฐานมากพอที่จะแสดงให้เห็นว่าเป็นเรื่องการเมือง ไม่ควรไต่สวนคดีต่อ และจะรอดูว่าทางฝ่ายอัยการของไทยจะเรียกใครขึ้นเป็นพยาน โดยจะศึกษาข้อมูลคำร้องขอส่งตัวนายฮาคีมของทางฝ่ายอัยการอย่างละเอียด ส่วนลูกความขณะนี้ รู้สึกเครียดกับการถูกควบคุมตัวในเรือนจำและการมาขึ้นศาลครั้งนี้ อีกทั้งนายฮาคิมป่วยจากอาการหวัด และปวดหัว และให้ตนเองให้การช่วยเหลืออย่างเต็มที่โอเคเรียบร้อยละ
สำหรับ นายฮาคีม ถูกศาลพิพากษาที่ประเทศบาห์เรน จำคุกเป็นเวลา 10 ปี ในความผิดฐาน ลอบวางเพลิง, ชุมนุมโดยมิชอบด้วยกฎหมายมากกว่า 5 คนในที่สาธารณะ, และใช้กำลังประทุษร้าย เพื่อวัตถุประสงค์ในการก่ออาชญากรรมและก่อกวนความสงบเรียบร้อยของประชาชน ครอบครองวัตถุไวไฟ ซึ่งเป็นระเบิดขวด เพื่อวัตถุประสงค์ในการก่ออันตรายแก่ชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน เหตุเกิด จากการเผาสถานีตำรวจในประเทศบาห์เรนเมื่อปี 2555
