อาชญากรรม

กองปราบ รวบหนุ่มหลอกเหยื่อทำ BG. สูญเงินกว่า 2 ล้านบาท พบ ขณะจับกุม กำลังหลอกเหยื่ออีก 2 ราย

นายพะละวัฑสิริ หรือ สิ (สงวนนามสกุล) อายุ 37 ปี ซึ่งเป็นบุคคลตามหมายจับศาลแขวงสมุทรปราการที่ 46/2563 ลงวันที่ 9 เม.ย.63 กระทำความผิดฐาน “โดยทุจริต หลอกลวงผู้อื่นด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อความจริง ซึ่งควรบอกให้แจ้งและโดยการหลอกลวงดังว่านั้นได้ไปซึ่งทรัพย์สินของจากผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สามหรือทำให้ผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สามทำ ถอน หรือทำลายเอกสารสิทธิ” ถูกตำรวจกองปราบปราม จับกุมตัวได้ ที่บ้านพักย่านพุทธมณฑล


พฤติการณ์กล่าวคือ นายพะละวัฑสิริฯ มีพฤติกรรมแอบอ้างว่า สามารถทำ BG. (Bank Guarantee หนังสือที่ธนาคารออกให้เพื่อใช้ค้ำประกันธุรกิจ) ให้กับนักธุรกิจที่ต้องการเงินลงทุนได้ โดยอ้างว่าตนรู้จักกับผู้ใหญ่ในธนาคาร สามารถอำนวยความสะดวกในการจัดทำ ซึ่งเมื่อประมาณเดือน ธ.ค.62 ผู้เสียหายซึ่งเป็นนักธุรกิจรายใหญ่แถวภาคตะวันออก ที่ต้องการเงินลงทุนจำนวน 60 ล้านบาท ได้ติดต่อพูดคุยกับผู้ต้องหา และผู้ต้องหาได้รับปากว่า จะทำ BG ให้กับผู้เสียหาย โดยขอหักค่าดำเนินการจำนวน 10-15 % ของยอดเงินที่ต้องการ เป็นจำนวนเงินประมาณ 4 ล้านบาท โดยขอเงินมัดจำเป็นจำนวน 2 ล้านบาท เมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อ ประมาณปลายเดือน ม.ค.63 ผู้เสียหายจึงได้ทำการนัดเจอผู้ต้องหาที่โรงแรมชื่อดังแห่งหนึ่งย่านสุวรรณภูมิ เพื่อทำการจ่ายเงินจำนวน 2 ล้านบาท ให้กับผู้ต้องหา จนกระทั่งถึงวันครบกำหนดสัญญาที่ผู้เสียหาย จะต้องได้รับ BG. ผู้เสียหายได้ติดต่อสอบถามไปยังผู้ต้องหา แต่กลับถูกบ่ายเบี่ยงเรื่อยมา ผู้เสียหายจึงเดินทางไปยังธนาคารที่ผู้ต้องหาอ้างว่าส่งเรื่องไปดำเนินการ ปรากฏว่าไม่พบข้อมูลตามที่ผู้ต้องหาอ้างถึง จึงรู้ตัวว่าถูกหลอก ผู้เสียหายจึงได้เดินทางไปพบพนักงานสอบสวนเพื่อแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีกับผู้ต้องหา ที่ สภ.สุวรรณภูมิ พนักงานสอบสวนจึงได้รวบรวมพยานหลักฐานขอศาลอนุมัติหมายจับผู้ต้องหา

ตำรวจชุดจับกุมสืบสวนทราบว่า ผู้ต้องหาได้หลบหนีมาพักอาศัยอยู่บ้าน ย่านพุทธมณฑลสาย 4 ศาลายา จึงไปพบผู้ต้องหาอยู่ภายในบ้านดังกล่าว และกำลังหลอกเหยื่อรายใหม่ซึ่งเป็นนักธุรกิจรายใหญ่จำนวน 2 ราย ให้เซ็นสัญญาเพื่อจะทำ BG. โดยมีค่าดำเนินการจัดทำเป็นเงินมูลค่า 3 ล้านบาท เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม จึงได้แสดงหมายค้นและแสดงหมายจับให้ผู้ต้องหาตรวจสอบดู และทำการจับกุมนำตัวผู้ต้องหา ส่งพนักงานสอบสวน สภ.สุวรรณภูมิ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป จากการสอบถามผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา

เนื่องด้วยเมื่อประมาณปี 2560 ผู้ต้องหาได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามจับกุมดำเนินคดีลักษณะความผิดในลักษณะเดียวกัน และได้กลับมาก่อเหตุในลักษณะเดิมอีก โดยได้ทำการปิดบังตัวตนจากการถูกค้นประวัติคดีคดีเก่าที่เคยก่อ โดยการเปลี่ยนชื่อ-นามสกุลตัวเอง อยู่บ่อยๆ เพื่อหลอกเหยื่อรายใหม่ กองปราบจึงขอเตือนภัยประชาชนทุกท่าน หากพบการการะทำในลักษณะดังกล่าว ให้ท่านตรวจสอบความน่าเชื่อถือของบุคคลให้ดีเสียก่อน เพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ

Related Posts

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *