กลุ่มผู้เสียหายกว่า 10 คน เดินทางมาร้องเรียนกับตำรวจที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทางเศรษฐกิจ หลังสั่งซื้อของออนไลน์ผ่านเว็ปไซต์แล้วไม่ได้รับของตามที่สั่ง มีผู้เสียหายรวมกันกว่าพันคนมูลค่าความเสียหายกว่า1.3ล้านบาท
นางสาวศุภาณี สุขหอม และนางสาวศุทธินี เกตุพหรหมมา ผู้เสียหาย เปิดเผยว่า เพจที่ขายสินค้าเป็นนางสาววิภา กล่ำเจริญ ที่เปิดขายสินค้าออนไลน์ใน 3 เพจ คือ MeOnline / Fast Raising / TopHit Shopping ที่มีแอดมินเป็นคนเดียวกัน ซึ่งในเพจนั้นจะขายของใช้เบ็ดเตล็ดทั่วไป ในราคาถูก และมีการโฆษณาตามเฟสบุ๊ค เพื่อให้เกิดความน่าเชื่อถือ โดยการสั่งสินค้าจะเป็นพรีออเดอร์ โอนเงินจำนวนเต็มให้ทางแอดมินก่อนและจะได้ของในอีก10-15วัน ซึ่งผู้เสียหายยังเล่าอีกว่า หลังโอนเงินไปให้ทางแอดมินเพจ แล้วเมื่อเดินกำเนินที่จะได้รับสินค้าก็พยายามติดต่อแอดมินเพจแต่กลับถูกบล๊อค เลยมั่นใจว่าตนถูกหลอกแน่นอน เลยพยายามรวบรวมผู้ที่เสียหายที่ถูกหลอกเหมือนกัน อีกกว่าพันคน ซึ่งผู้เสียหายทุกคนที่สั่งของไปยังไม่เคยมีใครได้สินค้าจากทางเพจทั้ง3เพจเลย และเมื่อทวงถามไปทางเพจมีการโอนเงินคืนกลับมาเพียงไม่กี่คน จึงคิดว่าน่าจะโอนเงินคืนเพื่อให้เกิดความน่าเชื่อถือว่าจะไม่โกง โดยมูลค่าความเสียหายจากผู้เสียหายกว่าพันคนตอนนี่มูลค่ากว่า 1.3ล้านบาท
ขณะที่นายวิทวัส นารถบุญ ทางแฟนของนางสาววิภา แอดมินเพจ ได้เดินทางมาพร้อมแม่ นางปราณี แซ่วุ่น เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ หลังมีชื่อของนางปราณีเป็นบัญชีรับโอนเงินค่าสินค้า ว่าทางตนและแม่ไม่มีส่วนรู้เห็นกับการโกงดังกล่าว โดยนางปราณี ระบุว่า ถูกนางสาววิภา หลอกให้ไปเปิดบัญชี เมื่อเดือนกันยายนโดยอ้างว่าจะไปกู้เงินออนไลน์ ตนเลยเชื่อใจเพราะเห็นว่าเป็นแฟนกับลูกชายมานานกว่า3 ปี เลยรักเหมือนลูกอีกคน หลังเปิดบัญชีเสร็จทางนางสาววิภาและเพื่อนได้เอาเล่มสมุดบัญชีและบัตรเอทีเอ็มไปทั้งหมด
โดยนายวิทวัส ระบุเพิ่มเติมว่ามารู้ว่าแฟนตนเองโกงเงิน หลังจากที่มีผู้เสียหายติดต่อมาทางชื่อของแม่ เลยทราบเรื่องและพยายามให้นางสาววิภามามอบตัว แต่ไม่ยอมมาและได้หนีไปจากบ้านที่อาศัยด้วยกัน และติดต่อไม่ได้เพราะได้ปิดเฟสบุ๊คไปหมดแล้ว และมาทราบภายหลังว่านางสาววิภาได้นำเบอร์โทรศัพท์ของพ่อนายวิทวัสไปใช้ เลยกลัวว่าจะไปใช้กระทำความผิดต่อเลยเดินทางมาแสดงความบริสุทธิ์ใจครั้งนี้
ทั้งนี้ พลตำรวจตรี ไมตรี ฉิมเฉิด รักษาราชการแทนผู้บังคับการตำรวจปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (ปอศ.) ได้มารับเรื่องดังกล่าวและจะตรวจสอบว่าเข้าข่ายความผิดที่ ปอศ.ดูแลอยู่หรือไม่ โดยหลังจากนี้ทางกลุ่มผู้เสียหายจะเดอนทางไปร้องเรียนต่อที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ